วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ส่วนหนึ่งของข่าวและงานวิจัย กับ เมทาไรเซี่ยม ชีวภัณฑ์เพื่อกำจัดแมลง เพื่อสิ่งแวดล้อม

เก็บกันมาฝากสำหรับ ประโยชน์ของเชื้อ Metarhizium จากข่าวและส่วนหนึ่งจากอีกหลาย ๆ งานวิจัยถึงความจำเพาะในการกำจัดศัตรูพืชครับ


ข่าว
พบ “เชื้อราสกัดเพลี้ยในพืชผัก ช่วยลดใช้สารเคมีในการเกษตร
จากที่สังคมได้ตื่นตัวเรื่องสภาพแวดล้อมมากขึ้น รวมไปถึงการคำนึงถึงผลเสียของการปนเปื้อนของสารเคมีที่มีผลต่อสุขภาพ
ทำให้เกิดความต้องการที่จะลดปริมาณการใช้สารเคมีลง โดยเฉพาะในพืชผักนั้น หลายฝ่ายต่างคิดค้นหาวิธีอื่นทดแทน เช่นเดียวกับ 2 นักวิจัย
จากสถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง มทร.ล้านนา และ มทร.ธัญบุรี ที่ได้วิจัยค้นพบ เชื้อราสกัดเพลี้ยอ่อนได้ชะงัด
อันนำมาซึ่งการช่วยลดปริมาณใช้สารเคมีในพืชผัก
นักวิจัยทั้งสอง คือ ผศ.ดร.มาลี ตั้งระเบียบ จากสถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง มทร.ล้านนา และ ผศ.ดร.ศิรินันธ์ เอี่ยมประภา
นักวิจัยจาก มทร.ธัญบุรี คือเจ้าของผลงานวิจัยสายพันธุ์เชื้อราเพื่อใช้ในการควบคุมเพลี้ยอ่อนได้เป็นผลสำเร็จ
ผศ.ดร.ศิริ นันธ์ กล่าวถึงเหตุผลที่วิจัยเชื้อราว่า เกิดจากการที่ตัวเอง และผศ.ดร.มาลี เพื่อนร่วมทีมสังเกตเห็นว่า ปัจจุบันสังคมได้ตื่นตัวเรื่อง
สภาพแวดล้อมมากขึ้น รวมไปถึงการคำนึงถึงผลเสียของการปนเปื้อนของสารเคมีที่มีผลต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในอาหารประเภทพืช ผัก ผลไม้
ทำให้หลายฝ่ายต่างต้องการที่จะลดปริมาณการใช้สารเคมีลง ซึ่งต่างก็คิดค้นหาวิธีการอื่นมาทดแทน
วิธี ที่เราทราบก็เช่น การใช้สารสกัดจากพืช หรือการใช้แมลงตัวห้ำ แต่ในส่วนของการวิจัยครั้งนี้ เราได้เลือกศึกษาหาว่า สายพันธุ์เชื้อราชนิดใด
ที่มีความสามารถควบคุมเพลี้ยอ่อนได้ ซึ่งเพลี้ยอ่อนพวกนี้ ที่รู้จักกันดี คือ เพลี้ยอ่อนลูกท้อ พบเห็นได้ในพืชผัก โดยเฉพาะพริก
นอก จากทำความเสียหายให้แก่พืชผักแล้ว เพลี้ยอ่อนพวกนี้ยังเป็นตัวนำเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคพืชชนิดอื่นๆ อีกด้วยผศ.ดร.ศิรินันธ์ แจง
พร้อมกันนี้ ผศ.ดร.มาลี เสริมถึงรายละเอียดงานวิจัยว่า ทีมได้คัดเลือกสายพันธุ์เชื้อรา จำนวน 27 ไอโซเลต ประกอบด้วย Metarhizium spp. 17
ไอโซเลต, Paecilomyces spp. 7 ไอโซเลต และ Hirsutella citriformis 3 ไอโซเลต มาทดสอบ โดยใช้สปอร์แขวนลอยที่ความเข้มข้น 108
สปอร์ต่อมิลลิลิตร นำไปฉีดพ่นกับเพลี้ยอ่อน Myzus persicae ที่พบมากในพริก และเพลี้ยอ่อน Macrosiphum euphobiae หรือเพลี้ยลูกท้อ
ซึ่งพบตามพืชผักทั่วไป ทั้งนี้ ผลจการทดสอบแบบ CAD พบว่า เชื้อราที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมเพลี้ยอ่อนทั้ง 2 ชนิด
คือ Metarhizium sp. ไอโซเลต 7965
เชื้อราไอโซเลต 7965 เป็นไอโซเลตที่มีประสิทธิภาพกับเพลี้ยอ่อนทั้งสองชนิด มีคุณสมบัติคือเลี้ยงง่าย เติบโตและสร้างสปอร์ได้เร็ว
ซึ่งเหมาะสมในสภาพความเป็นจริงในธรรมชาติ เพราะการระบาดของเพลี้ยอ่อนมักเกิดขึ้นในพืชผักหลายชนิดพร้อมๆ กัน
ซึ่งทำให้เกษตรกรต้องหันมาใช้สารเคมีมากขึ้น แต่หากสามารถเพาะเลี้ยงเชื้อรานี้ได้ แล้วนำไปใช้ในวงการเกษตร ก็เท่ากับว่าช่วยลดปริมาณ
การใช้สารเคมีฆ่าแมลงลงได้ อันส่งผลดีต่อสุขภาพของทุกคนด้วย
นับเป็นอีกงานวิจัย อันเป็นแนวทางที่จะต่อยอดนำไปพัฒนาใช้กับเชื้อราตัวอื่นๆ ซึ่งพบเห็นได้ตามธรรมชาติ มีอยู่หลากหลายชนิด
และมีคุณสมบัติพิเศษเช่นเดียวกับเชื้อรา ไอโซเลต ที่สามารถควบคุมปริมาณเพลี้ยอ่อนให้หยุดการเจริญเติบโตได้อย่างชะงัด
ซึ่งท้ายที่สุดเป็นการนำมาซึ่งการลดปริมาณการใช้สารเคมีในพืช ผัก ผลไม้ ได้โดยปริยาย
ที่มา หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก  2 พ.ย. 2553
งานวิจัย

ประสิทธิภาพการควบคุมองเื้อรา Metarhizium anisopliae ในแมงวันผลไม (Diptera: Tephritidae)

นริศ ท้าวจนทร1 และ อนุชิต ชินจริยวง1
Narit Thaochan1 and Anuchit Chinajariyawong1

                                                                      บทคัดย่อ
                 แมลงวันผลไม (Diptera: Tephritidae) เป็นแมลงศัตรูพชที่มความสำคัญ สามารถเข้าทำลยผลไมและพืชผักได้หลายชนิด แพรหลายทั่วโลก การจัดจำแนกมลงันผลไม้ที่มความสำคัญทางเศรษฐิจไวประมาณ 200 ชนิด การควบคุมแมลงผลไมด้วยเื้อรา Metarhizium anisopliae ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปนทางเลือกหนึ่ที่นำมาใช้ ผลจากการศึกษาการ ควบคุมตัวเต็มวยของแมลงันผลไม (Bactrocera papayae Drew & Hancock) วยเชื้อรา M. anisopliae 3 ไอโซเลท (M1, M3 และ M4) ที่แยกไดจากแมลงในเขตจังหวัดนครศีธรรมราชและเื้อบริสุทธิ์ 1 ไอโซเลท (M2) ที่ไดรับจากศูนย์วิจัยควบคุมศัตรูพืชโดยชีวินทรีย์แห่งชาติ ามสามารถในการ่อให้เกิดโรคกับแมลงวันผลที่อายุ 10 วัน ที่ความเ้มข้นของสปอร์ 1x106 สปอร/มิลลิลิตรของเื้อราทั้ง 4 ไอโซเลท พบว่าเชื้อราสามารถฆ่าแมลงันผลม้ได โดยแมลงจะตาย้วยเชื้อราไอโซเลท M1, M2, M3 และ M4 ภายในระยะเวลา 4.00 0.00, 5.33 0.58, 4.00 0.00 และ 4.67 1.15 วัน ตามลำดับ การทดสอารแพร่กระจายของแมลงี่ติดเชื้อราสูแมลงปกติในอัตราส่วน 1 ต่ 1 มีอัตราการตายของแมลงวยเชื้อราไอโซเลท M2 (1.33 0.29 ตัว) และ M3 (1.37 0.40 ตัว) แตกต่างอย่างมีนัยสำคญทางสิติจากเชื้อราไอโซเลท M1 (2.00 0.00 ตัว) และ M4 (1.97 0.05 ตัว) (P<0.05) ส่วนการแพร่กระจายของแมลงี่ติดเชื้อราสูแมลงปกติในอัตราส่วน 1 ต่ 3 อัตราการตายองแมลงไมมีความแตก่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสิติ (P>0.05)

ที่มา วารสารวิทยาศาสต์การเกตร


หนอนที่ถูกเชื้อราเข้าทำลาย


ประสิทธภาพเชื้อรา Metarhizium anisopliae ในการเข้าทําลายหนอนด้วงหนวดยาวเจาะลําต้นอ้อย Dorysthenes uqueti Guerin (Coleoptera: Cerambycediae) ในห้องปฏิบัติการ

วิวัฒน สือสะอาด, พิมพรรณ สมมาตย 1,ปวีณา บูชาเทียน 1,อาภรณ ปั้นทองคํา  1 และรัตติรส เชียงสิน 1
บทคัดย่อ
จากการสำรวจแมลงศัตรูอ้อยในเดือนกุมภาพันธ์ 2546พฤษภาคม 2547 พบเชื้อราเขียว Metarhizium anisopliae ลงทำลายหนอนด้วงหนวดยาวเจาะลำต้นอ้อย Dorysthenes buqueti ในพื้นที่ปลูกอ้อยรวม 4 จังหวด ได้แก่ อำเภอบ้านบึง จังหวดชลบุรี  อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี  อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี และอำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น จากการศึกษาความรุนแรงของเชื้อราเขียว M. anisopliae ทั้ง 4 ไอโซเลท กับหนอนด้วงหนวดยาวเจาะลำต้นอ้อยในห้องปฏิบัติการ พบวาเชื้อราไอโซเลทที่เก็บได้จากอำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น สามารถทำให้หนอนตายได้ 100 เปอร์เซ็นต์


ประสิทธิภาพของสารจากเื้อรา Metarhizium anisopliae ในการกำจัดปลวก Coptotermes curvignathus ศัตรูในตนยางพารา
        เศรษฐพงศ์ อัวรัตน1, กฤษณัฒน์ จิตจักร1, ปองสิทธิ์ โพธิคุณ1 และอรวรรณ ปิยะบุญ1

บทคัดย่
: ปลวกสายพันธุCoptotermes curvignathus เป็นแมลงศัตรูพืชที่สำคัญ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อต้นยางพารา การควบคุมปลวกด้วยชีววิธีโดยอาศัยเชื้อราเป็นกระบวนการหนึ่งที่สามารถกําจัดปลวกได้ในระยะยาว และไม่ส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เชื้อรา Metarhizium anisopliae เป็นเชื้อราที่ก่อโรคกับแมลงได้หลายชนิด โดยการเจริญเส้นใย และหลั่งสารพิษเพื่อทำลายแมลง ในการศึกษาประสิทธิภาพของสารจากเชื้อรา Metarhizium anisopliae ในการกำจัดปลวก Coptotermes curvignathus ศัตรูในต้นยางพารา โดยการฉีดพ่นปลวกด้วยสปอร์ของเชื้อราความเข้มข้น 5x107สปอร์ต่อมิลลิลิตร และสารจากเชื้อราที่มีความเข้มข้นของ สปอร์เริ่มต้น 1x108 5x107 และ2.5x107 สปอร์ต่อมิลลิลิตร พบว่าจำนวนปลวกที่ตายทั้งหมดคิดเป็นร้อยละ 90 89 95 และ 93 ตามลำดับ ดังนั้นประสิทธิภาพของสปอร์ของเชื้อราและสารจากเชื้อราในการกำจัดปลวกไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P < 0.05)


การใช้เชื้อราศัตรูแมลงในการควบคุมหนอนกระทู้หอม (Spodoptera exigua Hub.)
มณจันทร เมฆธน  และ ศศิเทพ ปติพรเทพิน  Monchan Maketon and Sasithep Pitiporntapin  
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้ไดศึกษาประสิทธิภาพของเชื้อรา 5 ชนิดในการกําจัดหนอนกระทูหอมระยะไข  หนอนวัย 1-2 และ  พบว่าหลังหยดส่วนผสมของสปอร์ที่มีความเข้มข้น 1x106 สปอร์/มล. 1 ครั้งลงบนไขหนอนกระทูหอมและตรวจผลการทดลองเป็นเวลา 1 สัปดาห์ในห้องปฏิบัติการ พบว่าไข่ที่ไดรับเชื้อรา Paecilomyces lilacinus CKP-012) มีเปอร์เซ็นต์การฟักเฉลี่ยต่ำที่สุดเท่ากับ 56.95 ซึ่งแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ (P < .01) จากไขที่รับเชื้อรา Metarhizium anisopliae (CKM-048), P. lilacinus (CKP-032), M. lavoviride CKM-083), Beauveria bassiana  (CKB-048), น้ำกลั่น และกลุ่มควบคุม ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์การฟักเฉลี่ยเท่ากับ 94.96, 95.00, 97.62, 98.57, 99.11 และ 99.48 ตามลำดับ ในหนอนวัย1-2 พบว่าหนอนที่ไดรับเชื้อรา  M. anisopliae (CKM-048)  และ P. lilacinus (CKP-012)  ให้ค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์การตายของหนอนสูงสุดเท่ากับ 36.67  และ36.67 รองลงมาคือหนอนที่ไดรับเชื้อรา P. lilacinus (CKP-032), M. lavoviride (CKM-083) B.  bassiana (CKB-048),กลุ่มควบคุม และน้ำกลั่น ที่มีค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์การตายของหนอน เท่ากับ  30.00, 16.67, 10.00, 0.00 และ0.00 ตามลำดับ ในหนอนวัย 3 พบว่าหนอนที่ไดรับเชื้อรา M. anisopliae (CKM-048) มีค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์การตายของหนอนสูงสุด เท่ากับ 36.67 รองลงมาคือ P. lilacinus (CKP-012), M. flavoviride  (CKM-083), P. lilacinus (CKP-032), B. bassiana CKB-48) น้ำกลั่น, และกลุ่มควบคุม, ที่มีค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์การตายของหนอน เท่ากับ 28.33, 20.00, 20.00, 3.33, 8.33, และ 5.00 ตามลำดับ


เชียงใหม่สัตวแพทยสาร 2552;7(1):7-17
นิพนธต้นฉบับ
ผลของเชื้อรา Metarhizium anisopliae ตอเห็บโค (Boophilus microplus) 
มาลี ตั้งระเบียบ 1 , กรกฎ งานวงศพาณิชย 2
บทคัดย่อ
การศึกษา การนำเชื้อราสาเหตุโรคแมลงชนิด Metarhizium anisopliae  มาทดสอบต่อ เห็บโค (Boophilus microplus) ทําการทดลอง 2 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกทำการทดสอบความสามารถของเชื้อราในการทำให้เห็บโคเกิดโรคาย โดยใช้เชื้อรา จำนวน 5 สายพันธุ ที่ระดับความเข้มข้น 5 x108  โคนิเดีย ตอมล. ด้วยวิธีพ่นสารแขวนลอยเชื้อราบนตัวเห็บเพศเมียระยะกินเลือดจนอิ่มตัว (engorge) ลงในสารแขวนลอยของเชื้อรา   นับจำนวนเห็บที่ตายและมีเชื้อราขึ้นปกคลุม นำมาหาเปอร์เซ็นต์การตายที่แท้จริง โดยใช้ Abbot’s  formula  ผลการทดลองพบว่า เชื้อราจำนวน 4 สายพันธุ  มีความสามารถในการทำให้เห็บโคเกิดโรคตาย โดยที่เปอร์เซ็นต์การตายของเห็บขึ้นอยู่กับสายพันธุของเชื้อรา            M. anisopliae (Ma.) 6079 และ Ma. 7965 มีอัตราการตายร้อยละ 100 ในขณะที่สายพันธุ Ma. 7527 พบว่าไมสามารถทำให้เห็บตายได ขั้นตอนที่ 2 เป็นการนำเชื้อราที่มีความสามารถในการทำให้เห็บโคเกิดโรคตายสูง มาทดสอบหาความรุนแรงของเชื้อรา ที่ 4 ระดับความเข้มข้น ไดแก 1x104, 1x106 , 1x108  และ 1x1010 โคนิเดียตอมล. นําจำนวนเห็บที่ตายและมีเชื้อราขึ้นปกคลุมไปคำนวณหาค่า median  lethal concentration ( LC50 ) และ median ethal time ( LT50 ) โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ M stat C ซึ่งใช้ หลักการ Probit analysis   พบว่าเชื้อรา สายพันธุ a. 6079   มีค่า LC50 เท่ากับ 2.4 ×104 โคนิเดียต่อมล. มีค่า LT50  เท่ากับ 11.9 วัน สายพันธุ Ma.  6171   มีค่า C50 เท่ากับ 5.00×105 โคนิเดียต่อ มม. ค่า LT50  เท่ากับ 6.31 วัน สายพันธุ  7965   มีคา LC50 เท่ากับ 3.4 × 104 โคนิเดียต่อมล. มีค่า LT50 เท่ากับ 5.53   วัน ซึ่งจากค่า LC 50 และค่า LT50 แสดงให้เห็นว่า  เชื้อราที่มีประสิทธิภาพ ในการควบคุมปริมาณเห็บโคไดดีคือ เชื้อราสายพันธุ Ma.  7965 ซึ่งเมื่อนำไปศึกษาผลที่มีต่อผิวหนังละร่างกายโค พบว่าเชื้อราไมสามารถก่อให้เกิดโรคกับโคได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น