แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ผัก แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ผัก แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

สารกำจัดวัชพืช(ยาฆ่าหญ้า) ตอนที่ 20

บท ความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำ ชื่อสารเคมี(ชื่อสามัญ) ชนิดต่างๆ  มาเผยแพร่ให้เกษตรกร,ผู้สนใจ,ฯลฯ ได้รู้ถึงประโยชน์, อันตราย, และความเป็นพิษเพื่อจะได้เลือกใช้สารเคมีอย่างระมัดระวัง(ในกรณีที่จำเป็น) มิได้ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรหรือผู้อ่านใช้สารเคมีเพิ่มขึ้น เพียงแต่หากจำเป็นต้องใช้สารเคมี  ก็ควรใช้อย่างรู้คุณและโทษของมันอย่างถูกต้อง และได้ประโยชน์ คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์ และไม่ทำให้ผู้บริโภครวมถึงตัวเกษตรกรและผู้ใช้เองต้องตกเป็นเหยื่อของพิษ ภัยจากการใช้สารเคมีโดยมิได้รู้แจ้ง ซึ่ง ทางผู้โพสหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรและบุคคลทั่วไปไม่มากก็น้อย  สำหรับท่านที่มีเพื่อน,มิตร,ญาติสนิท,ฯลฯ ที่ทำเกษตร หรือเกี่ยวข้องทางด้านนี้อยู่ ก็รบกวนช่วยนำไปเผยแพร่นะครับ ผมเองได้ข้อมูลมาตั้งแต่สมัยที่ยังทำการเกษตรอยู่ จาก หนังสือ "สารกำจัดศัตรูพืชในประเทศไทย"  เป็นหนังสือที่หาค่อนข้างยาก ปัจจุบันไม่ทราบว่ามีตีพิมพ์อีกหรือไม่ แต่ข้อมูลก็ยังสามารถใช้ได้ดีอยู่ จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้คนรักต้นไม้,เกษตรกร,หรือคนที่เกี่ยวข้องได้ทราบกัน
 (นายยักษ์เขียว)


โปรพานิล
(propanil)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดวัชพืช  acetamide  ประเภทเจาะจงพืช  กำจัดวัชพืชแบบภายหลังงอกโดยทางสัมผัสในช่วงระยะเวลาอันสั้น
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  1,385  มก./กก.  ทางผิวหนัง  มากกว่า  7,000  มก./กก.
วัชพืชที่กำจัดได้         หญ้าข้าวนก  หญ้านกสีชมพู  หญ้าหนวดปลาดุก  กกขนาก  หญ้าทรงกระเทียม  ผักแว่น  วัชพืชใบแคบและใบกว้างอื่น ๆ
พืชที่ใช้                   ข้าว  มันฝรั่ง  ข้าวสาลี
สูตรผสม                  36อีซี
อัตราใช้และวิธีใช้        โดยทั่วไปใช้อัตรา  1.5-2  ลิตร  ผสมกับน้ำ  80  ลิตร  ฉีดพ่นให้คลุมพื้นที่  1  ไร่  โดยใช้ในช่วงระยะที่พืชงอกแล้วและมีใบ  2-4  ใบ
อาการเกิดพิษ            เมื่อถูกผิวหนังจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง  ถ้าสูดดมเข้าไปมาก ๆ  จะทำให้หายใจไม่ออก  ถ้ากลืนกินเข้าไป  จะร้อนภายในปาก  ลำคอ  กระเพาะ  ไอ  คลื่นไส้  อาเจียน  ปวดศีรษะ  วิงเวียน  ง่วงและหมดสติ
การแก้พิษ                ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่ทันที  ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดมาก ๆ  ถ้ากลืนกินเข้าไป  ทำให้คนไข้อาเจียนทันที  จนเหลือแต่น้ำหรือของเหลวใส  แล้วรักษาตามอาการ  ห้ามให้อาหารประเภทที่มีไขมัน  น้ำมัน  แอลกอฮอล์  กับคนไข้
ข้อควรรู้                    - เป็นพิษต่อปลา
                             - ละอองโปรพานิลจะทำความเสียหายให้กับฝ้าย  ข้าวโพด  มะเขือเทศ  ถั่วเหลือง  ทานตะวัน  ผักต่าง ๆ  แตงกวา  พืชพวกถั่วและใบพืชกว้างอื่น ๆ
                             - อย่าใช้ในช่วงที่มีอากาศร้อนหรือเย็นจัด
                             - อย่าใช้ถ้าคาดหมายว่าจะมีฝนตกภายใน  5-6  ชั่วโมง
                             - อย่าใช้สารคาร์บาริลหรือสารกำจัดแมลงพวกฟอสเฟทอื่น ๆ กับพืชที่ถูกฉีดพ่นด้วยโปรพานิลแล้ว  ภายใน  14  วัน
                             - อย่าใช้ผสมกับปุ๋ยน้ำ
                             - ไม่มีฤทธิ์ตกค้าง
                             - ความรวดเร็วในการฆ่าวัชพืชจะเพิ่มขึ้นตามอุณหภูมิที่สูงขึ้น

โปรปาควิซาฟอพ
(propaquizafop)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดวัชพืชภายหลังงอก
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก
วัชพืชที่กำจัดได้         วัชพืชประเภทใบแคบพวกหญ้า  ได้แก่  หญ้าข้าวนก  หญ้านกสีชมพู  หญ้าตีนกา  หญ้าตีนนก  หญ้าดอกขาว
พืชที่ใช้                   ใช้กำจัดวัชพืชในแปลงถั่วเหลือง
สูตรผสม                  10อีซี

วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สารกำจัดวัชพืช(ยาฆ่าหญ้า) ตอนที่ 13

บท ความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำ ชื่อสารเคมี(ชื่อสามัญ) ชนิดต่างๆ  มาเผยแพร่ให้เกษตรกร,ผู้สนใจ,ฯลฯ ได้รู้ถึงประโยชน์, อันตราย, และความเป็นพิษเพื่อจะได้เลือกใช้สารเคมีอย่างระมัดระวัง(ในกรณีที่จำเป็น) มิได้ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรหรือผู้อ่านใช้สารเคมีเพิ่มขึ้น เพียงแต่หากจำเป็นต้องใช้สารเคมี  ก็ควรใช้อย่างรู้คุณและโทษของมันอย่างถูกต้อง และได้ประโยชน์ คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์ และไม่ทำให้ผู้บริโภครวมถึงตัวเกษตรกรและผู้ใช้เองต้องตกเป็นเหยื่อของพิษ ภัยจากการใช้สารเคมีโดยมิได้รู้แจ้ง ซึ่ง ทางผู้โพสหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรและบุคคลทั่วไปไม่มากก็น้อย  สำหรับท่านที่มีเพื่อน,มิตร,ญาติสนิท,ฯลฯ ที่ทำเกษตร หรือเกี่ยวข้องทางด้านนี้อยู่ ก็รบกวนช่วยนำไปเผยแพร่นะครับ ผมเองได้ข้อมูลมาตั้งแต่สมัยที่ยังทำการเกษตรอยู่ จาก หนังสือ "สารกำจัดศัตรูพืชในประเทศไทย"  เป็นหนังสือที่หาค่อนข้างยาก ปัจจุบันไม่ทราบว่ามีตีพิมพ์อีกหรือไม่ แต่ข้อมูลก็ยังสามารถใช้ได้ดีอยู่ จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้คนรักต้นไม้,เกษตรกร,หรือคนที่เกี่ยวข้องได้ทราบกัน
 (นายยักษ์เขียว)



กลูโฟซิเนท - แอมโมเนียม
(glufosinate - ammonium)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดวัชพืช  organophosphorous  ประเภทไม่เจาะจงพืช  กำจัดวัชพืชแบบภายหลังงอกโดยทางสัมผัสและมีฤทธิ์ในทางดูดซึม
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  1,625  มก./กก.  ทางผิวหนัง  มากกว่า  2,000  มก./กก.
วัชพืชที่กำจัดได้         วัชพืชล้มลุกและยืนต้นทั่วไป  รวมทั้งวัชพืชตระกูลหญ้า
พืชที่ใช้                   สวนผลไม้  สวนองุ่น  สวนผัก  สวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน
สูตรผสม                  18และ  20เอสแอล
อัตราใช้และวิธีใช้        ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  โดยฉีดพ่นที่ใบและส่วนที่กำลังเจริญเติบโตโดยตรง
การแก้พิษ                ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ  รักษาตามอาการ
ข้อควรรู้                    - อย่าใช้  ถ้าคาดว่าจะมีฝนตกภายใน  6  ชั่วโมง
                             - ในสภาพที่มีอากาศร้อน  กลูโฟซิเนทจะออกฤทธิ์ได้มากกว่า
                             - ในการกำจัดวัชพืชใบกว้าง  ควรใช้ในระยะเริ่มเจริญเติบโต  สำหรับหญ้า  ควรใช้กำจัดในระยะเริ่มแตกหน่อ
                             - ไม่มีพิษต่อปลา
                             - วัชพืชจะแสดงอาการตายภายใน  2-5  วัน
                             - กำจัดวัชพืชใบกว้างได้ดีกว่าใบแคบ
                             - ออกฤทธิ์ได้รวดเร็วกว่า  ไกลโฟเสท  แต่ช้ากว่า  พาราคว๊อท

ไกลโฟเสท
(glyphosate)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดวัชพืช  organophosphorous  ประเภทไม่เจาะจงพืช  กำจัดวัชพืชแบบภายหลังงอก  ออกฤทธิ์โดยทางดูดซึมและเคลื่อนย้ายในต้นพืช
ความเป็นพิษ            

วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สารกำจัดวัชพืช(ยาฆ่าหญ้า) ตอนที่ 11

บท ความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำ ชื่อสารเคมี(ชื่อสามัญ) ชนิดต่างๆ  มาเผยแพร่ให้เกษตรกร,ผู้สนใจ,ฯลฯ ได้รู้ถึงประโยชน์, อันตราย, และความเป็นพิษเพื่อจะได้เลือกใช้สารเคมีอย่างระมัดระวัง(ในกรณีที่จำเป็น) มิได้ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรหรือผู้อ่านใช้สารเคมีเพิ่มขึ้น เพียงแต่หากจำเป็นต้องใช้สารเคมี  ก็ควรใช้อย่างรู้คุณและโทษของมันอย่างถูกต้อง และได้ประโยชน์ คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์ และไม่ทำให้ผู้บริโภครวมถึงตัวเกษตรกรและผู้ใช้เองต้องตกเป็นเหยื่อของพิษ ภัยจากการใช้สารเคมีโดยมิได้รู้แจ้ง ซึ่ง ทางผู้โพสหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรและบุคคลทั่วไปไม่มากก็น้อย  สำหรับท่านที่มีเพื่อน,มิตร,ญาติสนิท,ฯลฯ ที่ทำเกษตร หรือเกี่ยวข้องทางด้านนี้อยู่ ก็รบกวนช่วยนำไปเผยแพร่นะครับ ผมเองได้ข้อมูลมาตั้งแต่สมัยที่ยังทำการเกษตรอยู่ จาก หนังสือ "สารกำจัดศัตรูพืชในประเทศไทย"  เป็นหนังสือที่หาค่อนข้างยาก ปัจจุบันไม่ทราบว่ามีตีพิมพ์อีกหรือไม่ แต่ข้อมูลก็ยังสามารถใช้ได้ดีอยู่ จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้คนรักต้นไม้,เกษตรกร,หรือคนที่เกี่ยวข้องได้ทราบกัน
 (นายยักษ์เขียว)


ฟีโนซาพรอพ - เอ็ทธิล
(fenoxaprop - ethyl)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดวัชพืชประเภทเจาะจงพืช  กำจัดวัชพืชแบบภายหลังงอก
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  3,310  มก./กก.  ทางผิวหนัง  (กระต่าย)  มากกว่า  2,000  มก./กก.  ทำให้ผิวหนังระคายเคืองเล็กน้อย  และดวงตาระคายเคืองปานกลาง
วัชพืชที่กำจัดได้         วัชพืชตระกูลหญ้าทั้งประเภทล้มลุกและยืนต้น
พืชที่ใช้                   ใช้กำจัดวัชพืชในไร่ถั่วเหลือง  ถั่วลันเตา  มันฝรั่ง  ยาสูบและพืชใบกว้างอีกหลายชนิด
สูตรผสม                  อยู่ในรูปผสมน้ำมัน  (อีซี)
อัตราใช้และวิธีใช้        ใช้ตามคำแนะนำบนฉลาก  โดยใช้ฉีดพ่นเมื่อหญ้างอกแล้วเป็นส่วนมาก
การแก้พิษ                ยาแก้พิษโดยเฉพาะไม่มี  ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำจำนวนมาก ๆ  ทันที  เป็นเวลานาน  1  นาที  ถ้ากินเข้าไป  อย่าทำให้คนไข้อาเจียน  นำคนไข้ส่งแพทย์ทันที

ฟีนูรอน
(fenuron)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดวัชพืช
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  6,400  มก./กก.
วัชพืชที่กำจัดได้         ไม้ยืนต้นและต้นไม้ที่มีรากหยั่งลึก

ฟลูอะซีฟอพ-บูทิล
(fluazifop-butyl)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดวัชพืช  phenoxy , trifluoromethyl , pyridine  ประเภทเจาะจงพืชและดูดซึมกำจัดวัชพืชแบบภายหลังงอก
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  3,328  มก./กก.  ทางผิวหนัง  (หนู)  มากกว่า  2,420  มก./กก.  อาจทำให้ดวงตาระคายเคือง
วัชพืชที่กำจัดได้         วัชพืชตระกูลหญ้าล้มลุกและยืนต้น
พืชที่ใช้                   ฝ้าย  มันฝรั่ง  ถั่วเหลือง  ถั่วลิสง  ส้ม  องุ่น  กาแฟ  หอม  กล้วย  ผักต่าง ๆ  และพืชใบกว้างทั่วไป
สูตรผสม                  35อีซี
อัตราใช้และวิธีใช้        ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  ผสมกับน้ำและฉีดพ่นที่วัชพืชโดยตรง  จะให้ผลดีในระยะที่วัชพืชมีใบ  2-4  ใบ
การแก้พิษ                ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ  รักษาตามอาการ
ข้อควรรู้                    - เป็นพิษต่อปลา
                             - ออกฤทธิ์ช้า  เคลื่อนย้ายในลำต้นจากใบไปสู่ราก

ฟลูโอมีทูรอน
(fluometuron)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดวัชพืช  trifluoromethyl;urea  ประเภทเจาะจงพืช  กำจัดวัชพืชได้ทั้งแบบก่อนงอกและภายหลังงอก
ความเป็นพิษ