ขณะที่รัฐบาลมาเลเซียได้ตระหนักถึงอันตรายของสารเคมีกำจัดวัชพืชพาราควอท (Paraquat) หรือที่เกษตรกรบ้านเรารู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อกรัมม็อกโซน ที่มีอันตรายต่อชีวิตของเกษตรกรและสิ่งแวดล้อมในประเทศเขา จึงได้ประกาศห้ามผลิต ห้ามจำหน่าย ห้ามใช้ ห้ามนำเข้าประเทศมาเลเซีย (BANNED) ซึ่งมีผลบังคับใช้ทันที เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2545 ด้วยเหตุผลที่ว่ามีสารเคมีกำจัด วัชพืชอีกหลายชนิดที่มีคุณภาพดีกว่า และปลอดภัยกว่าพาราควอท ซึ่งไม่มีสารแก้พิษ หากผู้ใดได้รับพิษของพาราควอทเข้าไปจะเจ็บป่วยและตายสถานเดียว มาเลเซียจึงเป็นประเทศแรกในกลุ่มอาเซียนที่ยกเลิกการใช้และห้ามนำเข้าพาราควอทเช่นเดียวกับประเทศในยุโรปหลายประเทศที่ได้ห้ามการใช้แล้วเช่นกัน
สิ่งที่น่าเป็นห่วงในลำดับแรกจากพิษภัยของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชคือสุขภาพของเกษตรกรและสมาชิกในครอบครัว หรือแม้แต่ผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ ๆ มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช หญิงตั้งครรภ์ ทารกในครรภ์ สัตว์เลี้ยง สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ในชุมชน เช่นสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ แหล่งน้ำและอาหาร และแน่นอนที่สุด คือผู้บริโภคผลผลิตทางการเกษตรที่มีสารเคมีตกค้างหรือปนเปื้อน บริษัทผู้ผลิตสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมักกล่าวว่าการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องจะปลอดภัย หรือโฆษณาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชว่าไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม คำกล่าวอ้างเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ผิด แท้จริงแล้วสารเคมีเป็นพิษและไม่มีทางที่จะปลอดภัยจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชได้เลย
การได้รับพิษ และผลกระทบของสารเคมีการเกษตร
สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเข้าสู่ทางร่างกายได้อย่างไร 1. การเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนัง มีการศึกษาพบว่าร้อยละ90 ของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนังโดยตรง เช่นเมื่อเกษตรกรสัมผัสกับพืชผลที่เพิ่งจะฉีดพ่นสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือเมื่อสารเคมีกำจัดศัตรูพืชสัมผัสผิวหนัง หรือเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มด้วยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือเมื่อเกษตรกรผสมสารเคมีกำจัดศัตรูพืชด้วยมือเปล่า หรือเมื่อสมาชิกในครอบครัวซักเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
แผลไหม้ เกิดจากเกษตรกรฉีดพ่นสารเคมีโดยไม่สวมรองเท้าบู๊ทป้องกัน
ภาพ: โครงการ IPM DANIDA กรมวิชาการเกษตร