วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

สารป้องกันและกำจัดโรคพืช ตอนที่ 9

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำชื่อสารเคมี(ชื่อสามัญ) ชนิดต่างๆ มาเผยแพร่ให้เกษตรกร,ผู้สนใจ,ฯลฯ ได้รู้ถึงประโยชน์, อันตราย, และความเป็นพิษเพื่อจะได้เลือกใช้สารเคมีอย่างระมัดระวัง(ในกรณีที่จำเป็น) มิได้ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรหรือผู้อ่านใช้สารเคมีเพิ่มขึ้น เพียงแต่หากจำเป็นต้องใช้สารเคมี  ก็ควรใช้อย่างรู้คุณและโทษของมันอย่างถูกต้อง และได้ประโยชน์ คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์ และไม่ทำให้ผู้บริโภครวมถึงตัวเกษตรกรและผู้ใช้เองต้องตกเป็นเหยื่อของพิษ ภัยจากการใช้สารเคมีโดยมิได้รู้แจ้ง ซึ่ง ทางผู้โพสหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรและบุคคลทั่วไปไม่มากก็น้อย  สำหรับท่านที่มีเพื่อน,มิตร,ญาติสนิท,ฯลฯ ที่ทำเกษตร หรือเกี่ยวข้องทางด้านนี้อยู่ ก็รบกวนช่วยนำไปเผยแพร่นะครับ ผมเองได้ข้อมูลมาตั้งแต่สมัยที่ยังทำการเกษตรอยู่ จาก หนังสือ "สารกำจัดศัตรูพืชในประเทศไทย"  เป็นหนังสือที่หาค่อนข้างยาก ปัจจุบันไม่ทราบว่ามีตีพิมพ์อีกหรือไม่ แต่ข้อมูลก็ยังสามารถใช้ได้ดีอยู่ จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้คนรักต้นไม้,เกษตรกร,หรือคนที่เกี่ยวข้องได้ทราบกัน
 (นายยักษ์เขียว)


อีทริไดอะโซล
(etridiazole)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดเชื้อรา  Thiadiazole  ออกฤทธิ์ให้ผลในทางป้องกันและรักษาโรคพืช
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  2,000  มก./กก.  ทำให้ผิวหนังและดวงตาระคายเคือง
โรคพืชที่กำจัดได้        โรคเน่าที่เกิดจากเชื้อไพเธียม  (Pythium  spp.)  ไฟท๊อฟโธรา  (Phythophthora  spp.)  ฟิวซาเรียม  (Fusatium  spp.)  และ  Rhizoctonia  spp.
พืชที่ใช้                   ขิง  กล้าทุเรียน  กล้าผักต่าง ๆ  มะเขือเทศ  พริกไทย  พืชตระกูลแตง  สตรอเบอร์รี่  ฝ้าย  ถั่วเหลือง  ข้าว  ถั่วลิสง  ถั่วลันเตา  กาแฟ  โกโก้  กล้วยไม้  ไม้ดอกและไม้ประดับทั่วไป
สูตรผสม                  24อีซี
อัตราใช้และวิธีใช้        ใช้อัตรา  15  ซีซี  ผสมกับน้ำ  20  ลิตร  ราดบริเวณโคนต้นหรือโดยฉีดพ่นให้ทั่วพื้นที่  ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากฉลากก่อนใช้
อาการเกิดพิษ            ผู้ได้รับพิษทางปากจะมีอาการเวียนศีรษะ  คลื่นไส้  อาเจียน  ท้องร่วง  ถ้าได้รับพิษทางผิวหนังและเยื่อบุต่าง ๆ  เช่น  เยื่อบุบริเวณตาจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง
การแก้พิษ                ถ้าถูกผิวหนังให้รีบล้างด้วยน้ำกับสบู่  ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง  ถ้าเข้าปากและผู้ป่วยยังมีสติอยู่  ให้ดื่มน้ำจำนวนมาก ๆ  ห้ามทำให้อาเจียนหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่  รีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์  สำหรับแพทย์  ถ้ากินเข้าไปมากทำให้ท้องว่าง  โดยใช้  endotracheal  tube  แล้วให้กินแอ๊คติเวทเต็ด  ซาร์โคล  ขนาด  30-50  กรัม  ผสมกับน้ำ  ตามด้วย  โซเดียมซัลเฟท  หรือ  แม๊กนีเซียมซัลเฟท  แล้วรักษาตามอาการ
ข้อควรรู้                    - ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว  3  วัน
                             - อย่าใช้ผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชอื่น ๆ  หรือกับปุ๋ย

พีนามิโนซัลฟ์
(fenaminosulf)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดเชื้อรา  benzene  diazosulphonate  ใช้กำจัดเชื้อราที่เป็นกับเมล็ดและที่อยู่ในดิน
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  60  มก./กก.  ทางผิวหนัง  มากกว่า  100  มก./กก.
โรคพืชที่กำจัดได้        โรคพืชที่เกิดจากเชื้อ  Phythium  spp. , Aphanomyces  spp. , Phytopthora  spp. และ  Anthracnose 
พืชที่ใช้                   ใช้กับเมล็ดที่กำลังงอก  ต้นกล้า  ถั่วเหลือง  ถั่วลันเตา  แตง  ฝ้าย  สัปปะรด  อ้อย  ข้าวฟ่าง  ไม้ดอกและไม้ประดับ
สูตรผสม                  70% , 35%  ดับบลิวพี
อัตราใช้และวิธีใช้        ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  ผสมกับน้ำ  ราดตามร่องดิน  หรือใช้แบบคลุกเมล็ดโดยไม่ต้องผสมน้ำ
การแก้พิษ                ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ  รักษาตามอาการที่ปรากฏ
ข้อควรรู้                    - ปัจจุบันไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย
                             - ใช้ทันทีเมื่อผสมน้ำเสร็จ  มิฉะนั้นแล้วจะเกิดการสลายตัว
                             - ชนิดของเชื้อราที่กำจัดได้  อยู่ในวงจำกัด

ฟีนาริมอล
(fenarimol)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดเชื้อรา  pyrimidine  ประเภทดูดซึมทางใบ  ให้ผลในทางป้องกันรักษาและกำจัดโรคพืช
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  2,500  มก./กก.
โรคพืชที่กำจัดได้        โรค  Fusarium  blight  โรคใบจุด  โรคราแป้ง  โรคราสนิม  (Rust)  โรคสแคป  (Scab)  โรคสมัท  (Smut)  และโรคอื่น ๆ
พืชที่ใช้                   พืชตระกูลแตง  องุ่น  ถั่วลิสง  สตรอเบอร์รี่  ไม้ดอกและไม้ประดับทั่วไป
สูตรผสม                  12อีซี  และ  50ดับบลิวพี
อัตราใช้และวิธีใช้        ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  ฉีดพ่นที่ใบพืช  ก่อนที่โรคจะปรากฏชัดเจน
ข้อควรรู้                    - เป็นพิษต่อปลา
                             - เชื้อราจะหยุดการเจริญเติบโตเมื่อถูกกับตัวยา
                             - ตัวยาจะเคลื่อนที่ขึ้นส่วนบนของต้นพืช

เฟนทินอะซีเตท  หรือ  ไตรเฟนนิลทิน  อะซีเตท
(fentin  acetate  or  triphtnyltin  acetate)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดเชื้อรา  organotin  ที่ให้ผลในทางป้องกันโรคพืช  ออกฤทธิ์กำจัดตะไคร่น้ำและหอยทากได้ด้วย
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  125  มก./กก.  ทางผิวหนัง  (หนู)  450  มก./กก.
โรคพืชที่กำจัดได้        โรคใบจุด  โรค  Late  blight  และโรคที่เกิดจากเชื้อ  Cercospora  spp. , Septoria  spp. , Phytophthora  palmivora , Monillia  rorei , Pyricularia  et  Helminthosporiumoryzae.
พืชที่ใช้                   มันฝรั่ง  ถั่วลิสง  กาแฟ  พืชตระกูลคื่นฉ่าย  โกโก้  ยาสูบ  หอม  ข้าว  ถั่วลันเตา  แครอท  และพืชอื่น ๆ
สูตรผสม                  60ดับบลิวพี
อัตราใช้และวิธีใช้        ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  ผสมกับน้ำแล้วฉีดพ่นที่ใบให้ทั่วต้นพืช  ใช้ซ้ำได้ตามความจำเป็น
อาการเกิดพิษ            ทำให้ผิวหนัง  ดวงตาและเยื่อบุจมูกระคายเคือง  ดวงตาอักเสบ  บวมแดง  ถ้ากลืนกินเข้าไปจะมีอาการเวียนศีรษะ  คลื่นไส้  อาเจียน  ท้องเสีย  อ่อนเพลีย  ม่านตาหรี่  หายใจหอบ  เหงื่อออกมาก  ชักและหมดสติ
การแก้พิษ                ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่  ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดจำนวนมาก ๆ  ถ้ากลืนกินเข้าไปและยังมีสติดีอยู่  ทำให้คนไข้อาเจียนด้วยการล้วงคอหรือให้ดื่มน้ำเกลืออุ่น  แล้วนำส่งแพทย์  สำหรับแพทย์  ทำการล้างท้องคนไข้แล้วให้กินยาแอ๊คติเวทเต็ด  ซาร์โคล  และโซเดียม  ซัลเฟท  ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ  รักษาตามอาการ  ห้ามมิให้ผู้ป่วยดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมอย่างน้อย  3  สัปดาห์  และในระหว่างป่วยห้ามดื่มนมและอาหารที่มีไขมันผสมอยู่
ข้อควรรู้                    - ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว  7-14  วัน
                             - ห้ามผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชที่อยู่ในรูป  อีซี  (EC)
                             - ห้ามใช้ในแปลงกล้ากาแฟ  ใช้ได้กับพืชที่แนะนำบนฉลากเท่านั้น
                             - เป็นพิษต่อปลาและหอย
                             - มีประสิทธิภาพดีกว่า  copper  10-20  เท่า
                             - สลายตัวบนใบพืชเมื่อถูกแสงแดด
                             - เข้ากันได้กับสารกำจัดศัตรูพืชอื่น ๆ  ที่ใช้กันทั่วไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น