เทคนิคการปลูกฝรั่ง
แผนการปฏิบัติงานเพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตที่มีคุณภาพ
สำหรับสวนฝรั่งตั้งแต่การเริ่มปลูก-การทำผลผลิตคุณภาพ
การปลูกฝรั่ง
หลังจากที่เลือกพื้นที่ปลูกได้แล้ว ถ้าต้องการจะปลูกเป็นสวนก็ควรจะจัดระยะปลูกระหว่างแถวและระหว่างต้นประมาณ 3x3 เมตร ในเนื้อที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 160 ต้น
การเตรียมหลุมปลูก
ขนาดของหลุมปลูกควรกว้าง 0.5 เมตร และลึก 0.5 เมตร โดยดินที่ขุดขึ้นมาจากหลุมนั้น ให้แยกเป็นสองกอง คือ ดินชั้นบนแยกไว้กองหนึ่ง ดินชั้นล่างอีกกองหนึ่ง ตากดินที่ขุดขึ้นมาสัก 15 - 20 วัน แล้วผสมดินทั้งสองกองและรองพื้นด้วยวัสดุปรับปรุงดินเกรด AAA ตรายักษ์เขียว อัตรา 200-300 กรัม อัตรา 200-300 กรัม แล้วจึงกลบดินลงไปในหลุมตามเดิม โดยเอาดินชั้นบนลงไว้ก้นหลุมและดินชั้นล่างกลบทับลงไปที่หลัง ดินที่กลบลงไปจะสูงกว่าปากหลุม ควรปล่อยทิ้งไว้ให้ดินยุบตัวดีเสียก่อน หรือรดน้ำให้ดินยุบตัวดีเสียก่อน จึงลงมือปลูกระยะปลูก
หมายเหตุ ในพื้นที่ที่มีการระบาดของไส้เดือนฝอยรากปม ให้ใส่ พี-แม็ก ผสมกับดินก้นหลุมอัตรา 10 กรัมต่อหลุม เพื่อกำจัดไส้เดือนฝอยรากปม และป้องกันการเข้าทำลายในช่วงที่รากฝรั่งเจริญเติบโต
1.1 ผูกยึดตนใหแนนกับหลักไมรวกที่ปกไวเพื่อปองกันไมใหตนโยกคลอน
1.2 มีการจัดร่มเงาให้ต้นฝรั่ง ในระยะแรกโดยอาจใช้ทางมะพร้าวปักพรางแสง เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นได้รับแดดจัดเกินไปในช่วงแรก
1.3 ต้องให้น้ำแก่ต้นที่ปลูกใหม่อย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ ระวังอย่าให้ต้นขาดน้ำ
1.4 การให้ปุ๋ยทางดินแก่ต้น ใช้ วัสดุปรับปรุงดินเกรด AAA ตรายักษ์เขียว อัตรา 200-300 กรัม(1-2 กำมือ) ทุก ๆ 30 วัน/ครั้ง เริ่มใส่ต่อเนื่องตั้งแต่อายุ 1 เดือนหลังปลูก
1.5 สำหรับพื้นที่ที่มีไส้เดือนฝอยรากปมระบาดชุกชุม ทุก ๆ 3-6 เดือน ให้ใช้เชื้อราควบคุมและกำจัดไส้เดือนฝอย "พี-แม็ก" อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นผิวดินบหรือใช้รดบริเวณรอบทรงพุ่มของฝรั่งเพื่อป้องกันการเข้าทำลายของไส้เดือนฝอยศัตรูพืช
1.6 ควรใช้ปุ๋ยไบโอเฟอร์ทิล(สูตรบำรุงต้น ไล่แมลง) อัตรา 20-30 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบให้กับต้นฝรั่ง เดือนละ 1-2 ครั้ง จะทำให้ต้นฝรั่งเจริญเติบโตดี ให้ผลผลิตได้เร็วและอายุการให้ผลผลิตนานขึ้น
1.7 อย่าฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดวัชพืชใกล้บริเวณโคนต้นหรือทรงพุ่ม เพราะจะทำให้รากฝรั่งกระทบกระเทือน
2. การดูแลและการทำงาน (ต้นอายุ 6 เดือนขึ้นไป)
2.1 การให้ปุ๋ยทางดินควรเริ่มปรับเป็นการให้ทุก ๆ 20-30 วันต่อครั้ง ใช้วัสดุปรับปรุงดินเกรด AAA ตรายักษ์เขียว อัตรา 300-500 กรัมต่อต้น(2-3 กำมือ) และเสริมปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 ในบางช่วงที่มีผลผลิตมากในอัตรา 150-300 กรัมต่อต้น(1-2 กำมือ)
2.2 สำหรับพื้นที่ที่มีไส้เดือนฝอยรากปมระบาดชุกชุม ทุก ๆ 3-6 เดือน ให้ใช้เชื้อราควบคุมและกำจัดไส้เดือนฝอย "พี-แม็ก" อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร รดหรือฉีดพ่นบริเวณรอบทรงพุ่มของฝรั่งเพื่อป้องกันการเข้าทำลายของไส้เดือนฝอยศัตรูพืช
2.3 ปุ๋ยทางใบ ให้ใช้ไบโอเฟอร์ทิล สูตรบำรุงต้น ไล่แมลง สลับกับ สูตรเร่งขนาดผล(ในช่วงมีผลผลิต) โดยฉีดพ่นอัตรา 40 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ทุก ๆ 10-14 วัน จะทำให้ต้นฝรั่งมีดอกและผลมาก ขั้วเหนียว ติดผลมาก ไม่สลัดผลแม้ในช่วงอากาศร้อนจัด และทำให้ผลมีขนาดใหญ่ ให้ผลผลิตได้หลายปี
2.4 ต้องให้น้ำแก่ต้นที่ปลูกใหม่อย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ ระวังอย่าให้ต้นขาดน้ำ
ปีที่ 7 กับการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพิ่มผลผลิต ต้นทุนลดลง 50% กับกลุ่มสวนฝรั่งพี่หาญ อยู่พิทักษ์ ต.ท่าทราย สมุทรสาคร
การพยุงต้นฝรั่ง
ฝรั่งจะเริ่มออกผลเมื่ออายุประมาณ 6 เดือน ควรใช้ไม้ไผ่ปักและผูกยึดไว้กับกิ่งเพื่อพยุงผลฝรั่ง โดยให้ปักใกล้กับกิ่งที่ออกผลแล้ว และผูกยึดกับกิ่งไว้
การตัดแต่งกิ่ง
การตัดแต่งกิ่งจะช่วยให้ฝรั่งเกิดกิ่งอ่อน ทำให้ทรงพุ่มโปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก แสงแดดส่องทั่วถึง สะดวกในการเก็บผลและการพ่นสารป้องกันกำจัดโรคและแมลง และยังทำให้ได้ผลผลิตที่แน่นอน ช่วยให้ผลมีขนาดใหญ่ สำหรับสวนใหม่ควรมีการตัดแต่งกิ่งทุกปี เพื่อกระตุ้นการเจริญและการสร้างตาดอก โดยทั่วไปต้นที่สมบูรณ์จะตัดกิ่งก้านออก 25-30 เปอร์เซ็นต์ สำหรับต้นที่ไม่แข็งแรงให้ตัดกิ่งก้านออกประมาณ 15-20 เปอร์เซ็นต์และฉีดพ่นไบโอเฟอร์ทิล ตามคำแนะนำ ก็จะทำให้ต้นสร้างตาดอกได้ดี และมีอายุการให้ผลผลิตนานขึ้นกว่าปกติ เกือบเท่าตัว
การบังคับให้ฝรั่งออกดอก
โดยทั่วไปฝรั่งจะให้ผลเร็วถ้าเป็นฝรั่งที่ได้จากกิ่งตอน จะเก็บผลครั้งแรกได้เมื่ออายุประมาณ 1 ปี ถ้าเป็นต้นที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะเก็บผลได้ช้ากว่า คือเมื่ออายุประมาณ 1 ½ - 2 ปี สำหรับวิธีการบังคับให้ฝรั่งออกดอก สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
1. การโน้มกิ่ง ฝรั่งมีช่อดอกที่กิ่งอ่อน ดังนั้นการทำให้เกิดกิ่งอ่อนก็จะชักนำให้เกิดตาดอกได้ การโน้มกิ่งฝรั่งให้โน้มกิ่งให้อยู่ในแนวระนาบแล้วใช้ไม้รวกยึดปักไว้ ฉีดพ่นด้วยไบโอเฟอร์ทิล (สูตรบำรุงต้น ไล่แมลง) อัตรา 40-50 ซีซี ประมาณ 2-3 ครั้ง ห่างกัน 5 วัน กิ่งที่โน้มก็จะแตกช่อดอกออกมามาก
2. การตัดแต่งกิ่ง การตัดแต่งกิ่งก็สามารถทำให้เกิดการแตกกิ่งอ่อนและช่อดอกได้ โดยให้ตัดแต่ง กิ่งที่อ่อนแอ, กิ่งที่เป็นโรค และกิ่งที่ไม่ได้รับแสง
3. การทำให้ใบร่วง โดยใช้ปุ๋ยพวกยูเรียหรือสารเคมีจำพวก กำมะถันผง ละลายน้ำให้เข้มข้น 25 เปอร์เซ็นต์ พ่นให้ทั่วทั้งต้น เพื่อให้ใบฝรั่งร่วงหมด เมื่อใบฝรั่งเริ่มร่วง จึงฉีดพ่นปุ๋ยไบโอเฟอร์ทิล (สูตรบำรุงต้น ไล่แมลง) อัตรา 40-50 ซีซี ประมาณ 5 ครั้ง ห่างกัน 5-7 วัน ก็จะเห็นช่อดอกเจริญออกมา พร้อมกิ่งอ่อนที่แตกขึ้นใหม่ และจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในอีก 5 เดือนต่อมา หมายเหตุ วิธี นี้เหมาะสำหรับต้นฝรั่งบำรุงด้วยปุ๋ยตามที่แนะนะ ซึ่งมีความสมบูรณ์ เพราะการทำให้ใบร่วงนั้น ต้นฝรั่งจะสร้างใบใหม่ เพื่อทดแทนใบเดิมซึ่งหมดสภาพหรือหลุดร่วงไป ทำให้ต้องสูญเสียพลังงานและอาหารที่สะสมไว้มาก ดังนั้นหากต้นไม่สมบูรณ์พอ อาจทำให้ดอกและผลฝรั่งที่ได้ร่วงก่อนกำหนด หรือต้นมีสภาพทรุดโทรมเร็ว ให้ผลผลิตได้ไม่นานเท่าที่ควร
4. การเด็ดยอดฝรั่ง โดยนับใบจากปลายกิ่งเข้าไปถึงใบคู่ที่ 4 แล้วจึงเด็ดยอดทิ้ง จากนั้นไม่กี่วัน ฝรั่งก็จะแทงดอกออกมา
อนึ่ง การบังคับให้ฝรั่งออกดอกนั้นทำได้ไม่ยากนัก ถ้าต้นฝรั่งได้รับการบำรุงที่ดี และสมบูรณ์แข็งแรง แต่ควรคำนึงด้วยว่า การให้ฝรั่งมีผลมาก ผลที่ได้ก็จะเล็กลง ดัง นั้นจึงต้องให้ปุ๋ยและน้ำแก่ต้นฝรั่งที่บังคับการออกดอกให้มากกว่าปกติตาม วิธีการดูแลที่แนะนำอย่างสม่ำเสมอ และมีการซอยผลออกบ้างในบางช่วง ก็จะทำให้ต้นฝรั่งให้ผลผลิตได้นาน ต้นสมบูรณ์เต็มที่
การห่อผล
โดยทั่วไปจะเริ่มห่อผลฝรั่งเมื่อมีขนาดเท่าลูกมะนาว หรือหลังดอกบานแล้ว 1 เดือน ก่อน ห่อควรพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อราและแมลงที่ผลฝรั่งเสียก่อน หรือใช้ไตรโคแม็กและไบโอเฟอร์ทิล (สูตรบำรุงต้น ไล่แมลง) ฉีดพ่นที่ผลก่อนก็ได้
การเก็บเกี่ยว
นับจากดอกบานจนถึงผลแก่พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้จะใช้เวลาประมาณ 5 เดือน ฝรั่งที่ยังอ่อน ผิวจะมีสีเขียวเข้ม เมื่อเริ่มแก่สีเขียวจะจางลงและเต่งตึงเป็นมัน ไม่ควรเก็บผลที่ยังไม่แก่เต็มที่เพราะยังมีการสร้างแป้งและสีไม่เต็มที่ ผลจะนิ่ม การเก็บเกี่ยวควรใช้กรรไกรตัดขั้วผลมาด้วยโดยไม่ต้องเอาถุงพลาสติกที่หุ้มผลฝรั่งออกเพื่อประหยัดเวลา ถ้าไม่มีขั้วติดผลจะทำให้ฝรั่งเสื่อมคุณภาพเร็ว และถูกเชื้อโรคเข้าทำลายได้ง่าย
ข้อสังเกตและเปรียบเทียบหลังจากใช้ไบโอเฟอร์ทิล ตามคำแนะนำ เป็นประจำ
1. ต้นฝรั่งจะสมบูรณ์ สามารถให้ผลผลิตมาก ดอกติดดก, ขั้วเหนียวและ ต้นฝรั่งจะมีอายุยืนกว่าสวนที่ไม่ได้ใช้
2. ผลฝรั่งเก็บเกี่ยว จะมีรสชาติดีกว่า และสีผิวของผลจะนวลเป็นมันกว่า สวนที่ไม่ได้ใช้
3. เมื่อใช้เป็นประจำ (3-4 ครั้ง ขึ้นไป) จะสังเกตได้ว่าแมลงศัตรูพืชที่เข้ามารบกวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะจำพวกผีเสื้อกลางคืนซึ่งเป็นตัวแม่ของหนอนชนิดต่าง ๆ รวมถึงแมลงวันทอง และด้วงกัดกินใบ ทำให้ประหยัดต้นทุนยากำจัดศัตรูพืช และลดความเสียหายได้ดีกว่า (ในพื้นที่ที่มีการระบาดมาก หากใช้ไบโอเฟอร์ทิล ฉีดร่วมกับยากำจัดศัตรูพืช ก็จะทำให้สามารถคุมและป้องกันการเข้าทำลาย ได้นานขึ้น)
4. ใบ พืชจะเขียวเงาเป็นมัน อายุใบนานขึ้นทำให้ต้นไม่สูญเสียอาหารในการสร้างใบใหม่ (ไบโอเฟอร์ทิล เป็นสารธรรมชาติ ไม่กัดผิวใบทำให้ใบด้านเหมือนการใช้เคมีอย่างเดียว)
5. สุขภาพผู้ปลูกดีขึ้น เนื่องจาก สัมผัสหรือจับต้องสารเคมีน้อยลง
6. เมื่อใช้ร่วมกับ ปุ๋ยอินทรีย์ ตรายักษ์เขียว จะสามารถลดต้นทุน การใช้ปุ๋ยลงอีกประมาณ 20-50%
7. การใช้ ปุ๋ยอินทรีย์ “ยักษ์เขียว” ร่วมด้วยเป็นประจำ จะทำให้ต้นทุนปุ๋ยและสารทางดินต่อชุดการผลิต ลดลงได้ประมาณ 50 % โดยที่ผลผลิตที่ได้ยังเป็นปกติหรือดีกว่าเดิม และสังเกตได้ว่าสารอินทรีย์ในเนื้อปุ๋ยทำให้สภาพดินดีขึ้น ดินโปร่ง อุ้มน้ำได้ดี ต้นทนแล้งได้ดีขึ้น และพืชตอบสนองต่อการให้ปุ๋ยทางดินดีกว่าเดิม ในระยะยาวปัญหาเรื่องโรคทางดินน้อยกว่าแปลงข้างเคียงที่ไม่ได้ใช้ ผลในทางอ้อม เนื่อง จาก ยักษ์เขียว เป็นสารอินทรีย์แท้ จึงกระตุ้นจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ให้ย่อยปุ๋ย(เคมี)ที่ตกค้างในดินทำให้ รากพืชสามารถดูดซึมกลับไปใช้ได้ ธาตุอาหารในดินจะสมดุลมากกว่า
การกำจัดศัตรูพืชทั่วไปแมลงวันทอง, เพลี้ยอ่อน,เพลี้ยแป้ง,หนอนเจาะผล
ใช้ชีวภัณฑ์(ปลอดสารพิษ) เมทา-แม็ก อัตรา 80 กรัม + บาร์ท๊อป อัตรา 80 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น เพื่อกำจัดและควบคุม ทุก ๆ 10-15 วัน เมทา-แม็ก เป็นชีวภัณฑ์ประเภทเชื้อรา ซึ่งเมื่อสัมผัสโดนตัวศัตรูพืชเป้าหมาย จะแทงเส้นใยเข้าไปตามข้อต่อหรือเนื้อเยื่ออ่อนของตัวแมลง และเข้าไปเติบโตขยายเชื้อ ขัดขวางการดำรงชีพของแมลงและสร้างสารพิษทำให้แมลงตาย หลังจากนั้นก็จะแทงเส้นใยออกจากตัวแมลงเพื่อสร้างสปอร์ขยายเชื้อต่อซึ่ง สามารถขยายพันธุ์และสร้างสปอร์ต่อเนื่องได้ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ดังนั้นในแปลงที่ใช้ เมทา-แม็ก ฉีดพ่นเพื่อกำจัดและควบคุมเพลี้ย,หนอน,แมลงศัตรูพืช ตามคำแนะนำ จะสังเกตได้ว่า แมลงศัตรูพืชจะระบาดน้อยลงมาก เมื่อใช้ต่อเนื่อง ประมาณ 3-4 ครั้ง ทำให้สามารถหยุดหรือเว้นช่วงเวลาการใช้สารกำจัดแมลงได้ยาวนานขึ้น ต่าง กับการใช้สารเคมีกำจัด ซึ่งมีแมลงศัตรูพืชมีโอกาสที่จะดื้อยาได้สูง ทำให้ต้องเพิ่มความเข้มข้น หรือปริมาณ สิ้นเปลืองทั้งต้นทุนและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของทั้งผู้ใช้และผู้บริโภค
การแก้ไขฝรั่งที่เป็นรากปมเนื่องจากถูกไส้เดือนฝอยเข้าทำลายราก
ฝรั่งเป็นพืชชนิดหนึ่งที่รากค่อนข้างอ่อนแอ ใน บางพื้นที่อาจมีการระบาดของไส้เดือนฝอย โดยเฉพาะภาคกลาง ซึ่งไส้เดือนฝอยชนิดนี้จะเข้าทำลายรากของฝรั่ง โดยการเข้าไปอยู่ในรากและดูดกินอาหาร อาการที่สังเกตได้คือ ต้นจะเหลืองโทรม เมื่อขุดรากขึ้นมา จะสังเกตเห็นว่ารากฝรั่งเป็นปม คลายรากถั่ว เมื่อพบอาการ ให้รี่บใช้ “พีแม็ก” อัตรา 100 กรัมผสมน้ำ 20 ลิตร + ไบโอเฟอร์ทิล สูตรไล่แมลง(ฝาแดง) อัตรา 50-100 ซีซี ผสมให้เข้ากัน ฉีดพ่นบริเวณรอบทรงพุ่มที่บริเวณที่มีรากของต้นฝรั่ง จำนวน 2 ครั้งห่างกันครั้งละ 15 วัน โดยก่อนฉีดพ่นให้ใช้คราดขูดเปิดผิวดินบาง ๆ และรดน้ำผิวดินให้ชุ่มชื้นเพื่อให้เนื้อสารกระจายตัวได้ดี จากนั้นจึงค่อยฉีดพ่น (“พีแม็ก” 1 ซอง จะผสมน้ำได้ 40 ลิตร ใช้ฉีดพ่นผิวดินรอบทรงพุ่มได้ประมาณ 50-80 ต้นทรงพุ่มละประมาณ ½ ลิตร) หลังจากนั้น แนะนำให้ใช้ป้องกันและกำจัดโดยทุก ๆ 3-6 เดือน
ภาพขยาย ไส้เดือนฝอยรากปม
กระบวนการในการทำงาน(ฆ่าไส้เดือนฝอย)ของ “พีแม็ก” จะมีขั้นตอนดังนี้คือ
1. หลังจากฉีดพ่น 3-5 วันแรก เชื้อจุลินทรีย์ พีแม็ก จะเริ่มฟักตัวและขยายพันธุ์เพิ่มปริมาณในดิน โดยใช้อาหารส่วนหนึ่งจาก “ไบโอเฟอร์ทิล”ที่ผสมเข้าไป และต้นฝรั่งเมื่อได้รับไบโอเฟอร์ทิลจะเริ่มสดชื่นขึ้น และเริ่มแตกรากใหม่และใบใหม่(ประมาณ 1-2 อาทิตย์)
2. หลังจากนั้น จุลินทรีย์จะเริ่มทำงานเต็มที่ โดยทำลายไข่ไส้เดือนฝอย,ไส้เดือนฝอยเพศเมีย โดยไข่ไส้เดือนฝอยจะถูกทำลาย ประมาณ 14 วัน และตัวแก่เพศเมียจะเริ่มตายลงตามลำดับ
3. หลังการฉีดพ่นครั้งที่ 2 (ห่างจากครั้งแรก 10-15 วัน) จะทำให้ไข่และเพศเมียที่เหลือรอดถูกทำลาย
4. ตัวแก่เพศผู้ อื่น ๆ จะเริ่มทยอยตาย โดย การขยายพันธุ์ของไส้เดือนฝอยศัตรูพืช จะลดลงตามลำดับ เนื่องจากไม่มีเพศเมียที่สามารถขยายพันธุ์และวางไข่ได้(การกำจัดและควบ คุมอย่างเด็ดขาดทั่วทั้งแปลงโดยไม่กลับมาเป็นซ้ำ ใช้เวลาประมาณ 30 วัน)
หมายเหตุ
1. จะสังเกตเห็นได้ว่าต้นฝรั่งมีสภาพดีขึ้นชัดเจนหลังจากใช้ตามคำแนะนำ ประมาณ 10-20 วัน (ช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับสภาพต้นแต่ละต้นในแปลงว่าโดนไส้เดือนฝอยเข้าทำลายมากน้อยเพียงใด)
2. การใช้วัสดุปรับปรุงดิน “ยักษ์เขียว” และฮอร์โมนจากธรรมชาติ ร่วมกับ”พีแม็ก” จะช่วยกระตุ้นการทำงานของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยป้องกันและลดการเข้าทำลายของไส้เดือนฝอยได้ดีและ เร็วขึ้น
3. เชื้อจุลินทรีย์ “พีแม็ก” เป็นสิ่งมีชีวิต ดัง นั้นในการใช้งานทุกครั้งต้องมั่นใจว่าภาชนะที่บรรจุ ปราศจากสารเคมีกำจัดเชื้อราตกค้าง เพราะจะทำให้เชื้อตายหรือทำงานได้ไม่เต็มที่หรือไม่ได้ผล(ควรซื้อถังฉีด สะพายหลังใหม่ สำหรับใช้โดยกับกรณีนี้โดยเฉพาะ)
4. หลังจากต้นฝรั่งเริ่มดีขึ้น อย่าพึ่งวางใจและหยุดใช้ เนื่องจากพื้นดินหรือในพื้นที่นั้นหรือบริเวณใกล้เคียง อาจมีไส้เดือนฝอยปะปนอยู่ทั่วไป เปรียบได้กับคนซึ่งเป็นโรคเรื้อรัง การรักษาต้องทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยอาจฉีดซ้ำอีก 1-2 ครั้ง หรือฉีดพ่นควบคุมและป้องกันอัตราตามที่แนะนำ ทุก ๆ 3-6 เดือน/ครั้ง เพื่อป้องกันเข้าทำลายและการระบาดของไส้เดือนฝอยรากปมจากแหล่งข้างเคียง
5. หาก มีอาการรากเน่าแทรกซ้อน(เนื่องจากเชื้อไฟท๊อปเทอร่าเข้าบริเวณแผลที่ถูก ไส้เดือนฝอยทำลาย) สังเกตจากเมื่อขุดรากขึ้นมาดู มีอาการรากเน่าเป็นสีน้ำตาล หรือรากถอดปลอก ให้ผสม “ไตรโคแม็ก” ร่วมกับการใช้ “พีแม็ก” ในแต่ละครั้ง ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น