วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

สารป้องกันและกำจัดโรคพืช ตอนที่ 8

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำชื่อสารเคมี(ชื่อสามัญ) ชนิดต่างๆ
มาเผยแพร่ให้เกษตรกร,ผู้สนใจ,ฯลฯ ได้รู้ถึงประโยชน์, อันตราย, และความเป็นพิษ
เพื่อจะได้เลือกใช้สารเคมีอย่างระมัดระวัง(ในกรณีที่จำเป็น) มิได้ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรหรือผู้อ่านใช้สารเคมีเพิ่มขึ้น เพียงแต่หากจำเป็นต้องใช้สารเคมี  ก็ควรใช้อย่างรู้คุณและโทษของมันอย่างถูกต้อง และได้ประโยชน์ คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์ และไม่ทำให้ผู้บริโภครวมถึงตัวเกษตรกรและผู้ใช้เองต้องตกเป็นเหยื่อของพิษ ภัยจากการใช้สารเคมีโดยมิได้รู้แจ้ง ซึ่ง ทางผู้โพสหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรและบุคคลทั่วไปไม่มากก็น้อย  สำหรับท่านที่มีเพื่อน,มิตร,ญาติสนิท,ฯลฯ ที่ทำเกษตร หรือเกี่ยวข้องทางด้านนี้อยู่ ก็รบกวนช่วยนำไปเผยแพร่นะครับ ผมเองได้ข้อมูลมา
ตั้งแต่สมัยที่ยังทำการเกษตรอยู่ จาก หนังสือ "สารกำจัดศัตรูพืชในประเทศไทย"  เป็นหนังสือที่หาค่อนข้างยาก ปัจจุบันไม่ทราบว่ามีตีพิมพ์อีกหรือไม่ แต่ข้อมูลก็ยังสามารถใช้ได้ดีอยู่ จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้คนรักต้นไม้,เกษตรกร,หรือคนที่เกี่ยวข้องได้ทราบกัน
 (นายยักษ์เขียว)


ไดทาลิมฟอส
(ditalimfos)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดเชื้อรา  organophosphorous  ออกฤทธิ์ในทางสัมผัส  ให้ผลในทางป้องกันและกำจัดให้หมดสิ้นไป
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  4,930  มก./กก.  (หนูตัวเมีย)  อาจทำให้ดวงตาและผิวหนังเกิดอาการระคายเคือง
โรคพืชที่กำจัดได้        โรคราแป้งและโรคสแค๊ป  (Scab)
พืชที่ใช้                   ไม้ผลทั่วไป  กุหลาบ  พืชตระกูลแตง  ผักต่าง ๆ  และธัญพืช
สูตรผสม                  50ดับบลิวพี  และ  20อีซี
อัตราใช้และวิธีใช้        ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  ผสมกับน้ำกวนให้เข้ากันดี  แล้วฉีดพ่นที่ใบให้ทั่วต้นพืช  ใช้ซ้ำได้ทุก  7-14  วัน
ข้อควรรู้                    - เป็นพิษต่อปลาเล็กน้อย
                             - ไม่เป็นพิษต่อผึ้ง

โดดีมอร์ฟ  อะซีเตท
(dodemorph  acetate)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดเชื้อราประเภทดูดซึม  โดยการฉีดพ่นทางใบ
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลัน  3,700  มก./กก.  อาจทำให้ผิวหนังและดวงตาเกิดอาการระคายเคือง
โรคพืชที่กำจัดได้        โรคราแป้ง  โรคราสนิม  และโรคจุดดำ  (Black  spot)
พืชที่ใช้                   กุหลาบ  และไม้ดอก  ไม้ประดับทั่วไป
สูตรผสม                  40อีซี
อัตราใช้และวิธีใช้        ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  ฉีดพ่นที่ใบพืชเมื่อพบเห็นโรคบนใบ  ใช้ซ้ำได้ทุก  10-14  วัน
ข้อควรรู้                    - ไม่เป็นพิษต่อผึ้ง
                             - อาจใช้ผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชอื่น ๆ ได้
                             - ออกฤทธิ์ทั้งในทางป้องกันและกำจัดโรคพืช

โดดีน
(dodine)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดเชื้อรา  Gaunidine  หรือ  aliphatic  nitrogen  ออกฤทธิ์ให้ผลในทางป้องกันและกำจัดโรคพืชให้หมดสิ้นไป  (Eradicant)
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  1,000  มก./กก.  ทางผิวหนัง  (กระต่าย)  มากกว่า  1,500  มก./กก.  ทำให้ผิวหนัง  ดวงตาและระบบหายใจระคายเคือง
โรคพืชที่กำจัดได้        โรคสแคป  (Scab)  โรคใบจุด  โรคเน่าสีน้ำตาล  โรคผลเน่า  โรคใบม้วน  และโรคใบไหม้เกรียม  (Leaf  scorch)
พืชที่ใช้                   แอปเปิล  เชอร์รี่  สตรอเบอร์รี่  หอม  ผักต่าง ๆ  ไม้ดอก  ไม้ประดับและไม้ผลทั่วไป
สูตรผสม                  65ดับบลิวพี
อัตราใช้และวิธีใช้        ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  ผสมกับน้ำฉีดพ่นที่ใบให้ทั่วต้นพืช  ก่อนที่อาการของโรคจะปรากฏให้เห็น  ใช้ซ้ำได้ทุก  5-10  วัน
การแก้พิษ                ในกรณีที่เกิดพิษขึ้นมา  ให้รักษาคนไข้ตามอาการที่ปรากฏ  ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ
ข้อควรรู้                    - ผสมกับ  chlorobenzilate  ปูนขาว  (Lime)  น้ำมัน  (Oils)  และสารกำจัดศัตรูพืชที่อยู่ในรูปน้ำมันผสมน้ำ  (อีซี)  ไม่ได้
                             - ไม่เป็นพิษต่อผึ้ง
                             - ออกฤทธิ์ในทางดูดซึมเฉพาะที่

อีดิเฟนฟอส
(edifenphos)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดเชื้อรา  organophosphorous  ที่ให้ผลในทางป้องกันรักษาและกำจัดโรคพืชให้หมดไป
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  150  มก./กก.  ทางผิวหนัง  (หนู)  700-800  มก./กก.
โรคพืชที่กำจัดได้        โรคที่เกิดจากเชื้อรา  เช่น  โรคกาบใบแห้ง  (Blast)  โรคใบไหม้  (Leaf  blight)  โรคเมล็ดด่างและโรคต้นเน่า
พืชที่ใช้                   ข้าว
สูตรผสม                  30% , 50%  อีซี
อัตราใช้และวิธีใช้        ใช้อัตรา  12-20  ซีซี  ผสมกับน้ำ  20  ลิตร  ฉีดพ่นที่ใบให้ทั่วต้นพืช  ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากฉลากก่อนใช้
อาการเกิดพิษ            ถ้าถูกผิวหนังและสูดดมเข้าไปมาก ๆ  หรือกลืนกินเข้าไปทางปาก  อาการของพิษจะปรากฏดังนี้  มึนงง  ปวดศีรษะ  อ่อนเพลีย  กระวนกระวาย  เปลือกตาและปลายลิ้นสั่น  ม่านตาหรี่  คลื่นไส้  อาเจียน  น้ำลาย  น้ำตาและเหงื่อออกมากผิดปกติ  ปวดท้อง  ชีพจรเต้นช้า  กล้ามเนื้อเกร็ง  ถ้าพิษรุนแรงจะมีอาการหายใจลำบาก  ปอดบวม  ขาดออกซิเจน  ตัวเขียวคล้ำ  ชักและตายเนื่องจากหัวใจไม่ทำงาน
การแก้พิษ                ถ้าถูกผิวหนังต้องรีบล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ  ถ้าเข้าตาต้องล้างตาด้วยน้ำสะอาดนาน ๆ  ถ้าเข้าปากให้รีบนำส่งแพทย์ทันที  สำหรับแพทย์  ยาแก้พิษคือ  อะโทรปินซัลเฟท  หรือ  จะใช้ยา  PAM  และ  Toxogonin  รักษาร่วมด้วยก็ได้  ห้ามใช้  Morphine , theophylline , Aminophylline , barbiturates , Phenothiazines  &  Respiratory  depressants
ข้อควรรู้                    - ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว  21  วัน
                             - อย่าใช้ก่อนหรือหลังการใช้  propanil  ในระยะเวลา  10  วัน
                             - อย่าผสมกับสารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง
                             - เป็นพิษต่อปลา
                             - ผสมได้กับสารกำจัดศัตรูพืชอย่างอื่นที่ใช้กันทั่วไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น