วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

สารป้องกันและกำจัดโรคพืช ตอนที่ 6


บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำชื่อสารเคมี(ชื่อสามัญ) ชนิดต่างๆ
มาเผยแพร่ให้เกษตรกร,ผู้สนใจ,ฯลฯ ได้รู้ถึงประโยชน์, อันตราย, และความเป็นพิษ
เพื่อจะได้เลือกใช้สารเคมีอย่างระมัดระวัง(ในกรณีที่จำเป็น) มิได้ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรหรือผู้อ่านใช้สารเคมีเพิ่มขึ้น เพียงแต่หากจำเป็นต้องใช้สารเคมี  ก็ควรใช้อย่างรู้คุณและโทษของมันอย่างถูกต้อง และได้ประโยชน์ คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์ และไม่ทำให้ผู้บริโภครวมถึงตัวเกษตรกรและผู้ใช้เองต้องตกเป็นเหยื่อของพิษ ภัยจากการใช้สารเคมีโดยมิได้รู้แจ้ง ซึ่ง ทางผู้โพสหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรและบุคคลทั่วไปไม่มากก็น้อย  สำหรับท่านที่มีเพื่อน,มิตร,ญาติสนิท,ฯลฯ ที่ทำเกษตร หรือเกี่ยวข้องทางด้านนี้อยู่ ก็รบกวนช่วยนำไปเผยแพร่นะครับ ผมเองได้ข้อมูลมา
ตั้งแต่สมัยที่ยังทำการเกษตรอยู่ จาก หนังสือ "สารกำจัดศัตรูพืชในประเทศไทย"  เป็นหนังสือที่หาค่อนข้างยาก ปัจจุบันไม่ทราบว่ามีตีพิมพ์อีกหรือไม่ แต่ข้อมูลก็ยังสามารถใช้ได้ดีอยู่ จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้คนรักต้นไม้,เกษตรกร,หรือคนที่เกี่ยวข้องได้ทราบกัน
 (นายยักษ์เขียว)


คิวปรัส  อ๊อกไซด์
(cuprous  oxide)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดเชื้อราอนินทรีย์  (inorganic)  ออกฤทธิ์ให้ผลทางด้านป้องกันโรคพืชและใช้คลุกเมล็ด
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  470  มก./กก.
โรคพืชที่กำจัดได้        โรคสแคป  (Scab)  โรคสมัท  (Smuts)  โรคใบไหม้  โรคเน่าคอดิน  โรคเน่าสีน้ำตาลและสีดำ  โรคใบจุด  (Leaf  spot)  โรคราสนิม  โรคราน้ำค้างและอื่น ๆ
พืชที่ใช้                   ส้ม  กล้วย  ถั่วต่าง ๆ  ข้าวโพด  กะหล่ำปลี  แตงแคนตาลูป  แครอท  กะหล่ำดอก  คื่นฉ่าย  กาแฟ  โกโก้  แตงกวา  มะเขือ  กระเทียม  องุ่น  คะน้า  หอม  พริกไทย  มันฝรั่ง  ฟักทอง  สตรอเบอร์รี่  มะเขือเทศ  พืชสวน  ไม้ดอกและไม้ประดับทั่วไป
สูตรผสม                  50%  ดับบลิวพี
อัตราใช้และวิธีใช้        ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  ผสมกับน้ำ  กวนให้เข้ากันดีแล้วฉีดพ่นที่ใบให้ทั่วต้นพืชทุก  7-10  วัน  จนถึงระยะก่อนเก็บเกี่ยว  หรือใช้โดยวิธีคลุกเมล็ดเพื่อป้องกันโรคพืชก็ได้
ข้อควรรู้                    - ผสมกับ  Lime  sulfur  ไม่ได้
                             - ผสมได้กับสารกำจัดศัตรูพืชอื่น ๆ  เกือบทั้งหมด
                             - ไม่มีอันตรายต่อผึ้ง

ไซโคลเฮ็กซิไมด์
(cycloheximide)
การออกฤทธิ์             เป็นสารปฏิชีวนะ  (antibiotic)  กำจัดเชื้อราที่เกิดกับใบพืช  ออกฤทธิ์ให้ผลในทางรักษาโรคพืช
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  2  มก./กก.  อาจทำให้ผิวหนังมีอาการระคายเคือง
โรคพืชที่กำจัดได้        โรคราแป้ง  โรคราสนิม  โรคใบจุด  โรคกาบใบแห้ง  โรคกาบใบเน่า  โรคถอดฝักดาบของข้าว  โรคเน่า  โรคยอดเน่าและโรคอื่น ๆ
พืชที่ใช้                   ข้าว  ทุเรียน  พริก  องุ่น  เผือก  มะเขือเทศ  ขิง  แตงโม  ฝ้าย  ส้ม  มะนาว  หอม  กระเทียมและพืชอื่น
สูตรผสม                  2.1%  ผง  และ  0.27%  อีซี
อัตราใช้และวิธีใช้        ใช้อัตรา  30-60  กรัม  ผสมกับน้ำ  กวนให้เข้ากันดีแล้วฉีดพ่นที่ใบให้ทั่วต้นพืช  ใช้ซ้ำได้ตามความจำเป็น
อาการเกิดพิษ            ผู้ได้รับพิษจะมีอาการผิวหนังอักเสบ  บวมแดง  เวียนศีรษะ  คลื่นไส้  อาเจียน  และมีอาการท้องเสีย
การแก้พิษ                ถ้าถูกผิวหนังหรือดวงตาให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ  ถ้าเข้าปากหรือกลืนกินเข้าไปต้องรีบทำให้อาเจียนโดยเร็วด้วยการล้วงคอ  หรือให้ดื่มน้ำสบู่หรือน้ำเกลืออุ่น  จนกว่าอาเจียนที่ออกมาจะใส  แล้วนำคนไข้ส่งแพทย์  ในระหว่างนี้  อย่าให้อาหารที่มีไขมัน  นม  และอาหารที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่แก่คนไข้  ควรให้คนไข้กินถ่านยาแอ๊คติเวทเต็ด  ซาร์โคล  เพื่อดูดซับพิษ  สำหรับแพทย์  ควรล้างท้องคนไข้แล้วให้ยา  Hydrocortisone  ขนาด  1  มก./กก.  ทาง  IV  ยาอย่างอื่นที่ใช้ได้คือ  Epinephrine  และ  Orthoxine  รักษาตามอาการต่อไป
ข้อควรรู้                    - เป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้  (Byproduct)  จากการผลิต  streptomycin
                             - ระงับการเจริญเติบโตของเชื้อราได้แม้จะมีความเข้มข้นต่ำ
                             - ระยะเวลาที่คาดหมายว่าจะให้ผลในการควบคุมโรคพืช  ประมาณ  7-10  วัน

ไซม๊อกซานิล
(cymoxanil)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดเชื้อรา  acetimide , urea  ออกฤทธิ์ให้ผลในด้านป้องกันและรักษาโรคพืช  เป็นตัวขัดขวางการสร้างสปอร์ของเชื้อรา
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  1,100  มก./กก.  ทางผิวหนัง  (กระต่าย)  มากกว่า  3,000  มก./กก.  อาจทำให้ดวงตาเกิดอาการระคายเคืองได้
โรคพืชที่กำจัดได้        โรคราน้ำค้าง  โรค  Late  blight  โรค  Dead  arm  และโรคอื่น ๆ ที่เกิดจากเชื้อ  Peronospora , Phythopthora  และ  Plasmopara  spp.
พืชที่ใช้                   องุ่น  มันฝรั่ง  มะเขือเทศและผักต่าง ๆ
สูตรผสม                  50%  และ  80%  ดับบลิวพี
ข้อควรรู้                    - ห้ามใช้ผสมกับ  มาเน็บ  (maneb)
                             - กำจัดเชื้อราในดินไม่ได้ผล
                             - การออกฤทธิ์ให้ผลใน  3  ทาง  คือ  ในทางป้องกัน  ในทางรักษาภายหลังจากที่พืชเป็นโรคแล้วและขัดขวางการสร้างสปอร์ของเชื้อรา
                             - ออกฤทธิ์เฉพาะจุดที่ยาสัมผัสถูก
                             - ไม่เป็นอันตรายต่อผึ้ง  ฤทธิ์ตกค้างสั้น  และสลายตัวภายใน  4-6  วัน
                             - ในประเทศไทยมีจำหน่ายเฉพาะในรูปผสมกับสารกำจัดเชื้อราชนิดอื่น  คือ  ไซม๊อกซานิล  ผสมกับ  แมนโคเซ็บ  (8 + 64%)

ดาโซเม็ท
(dazomet)
การออกฤทธิ์             เป็นสารรมดินเพื่อกำจัดเชื้อรา  ไส้เดือนฝอยและวัชพืช  ตลอดจนแมลงในดิน
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  640  มก./กก.  อาจทำให้ผิวหนังและดวงตาระคายเคือง
ศัตรูพืชที่กำจัดได้        - เชื้อรา  Pythium , Fusarium , Phythophthora , Rhizoctonia  Verticillium  spp. และอื่น ๆ
                             - ไส้เดือนฝอย  ไส้เดือนรากปม  (Root  knot)  และอื่น ๆ
                             - แมลงที่อยู่ในดินและวัชพืชทั้งใบแคบและใบกว้าง
พืชที่ใช้                   ยาสูบ  ผัก  ไม้ดอกและไม้ประดับทั่วไป
สูตรผสม                  98%  จี
อัตราใช้และวิธีใช้        โดยทั่วไปเมื่อใช้รมดินหรือแปลงเพาะกล้าลึก  20-25  ซม.  จะใช้อัตราแตกต่างกันดังนี้
                             1. ถ้าเป็นดินทรายหรือดินร่วนปนทราย  ใช้  350-400  กรัม/10  ตารางเมตร
                             2. ถ้าเป็นดินร่วนหรือมีอินทรียวัตถุสูง  ใช้อัตรา  450-500  กรัม/10  ตารางเมตร
                             ศึกษารายละเอียดการใช้เพิ่มเติมจากฉลาก  ก่อนใช้
อาการเกิดพิษ            ถ้าถูกผิวหนังจะมีอาการระคายเคืองหรือเกิดอาการแพ้ที่บริเวณผิวหนังนั้นได้
การแก้พิษ                ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่จำนวนมาก ๆ  ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำจำนวนมาก ๆ  ถ้ากลืนกินเข้าไป  ทำให้อาเจียนหรือให้กินถ่านยาแอ๊คติเวทเต็ด  ซาร์โคล  แล้วตามด้วยยาถ่ายประเภทเกลือ  เช่น  โซเดียมซัลเฟท  ห้ามให้ยาถ่ายที่มีน้ำมันผสม  หรืออาหารที่มีไขมันหรือนม  ถ้ามีอาการรุนแรง  ให้นำส่งแพทย์ต่อไป  สำหรับแพทย์  ต้องล้างท้องคนไข้ในกรณีที่กินเข้าไป  ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ  รักษาตามอาการ
ข้อควรรู้                    - อย่าใช้ในสภาพที่มีอากาศร้อน
                             - เป็นพิษต่อพืชทุกชนิดที่ปลูกและพิษนี้จะหมดไปภายในระยะเวลา  3  สัปดาห์
                             - ถ้าเก็บไว้ในสภาพที่มีอุณหภูมิสูงกว่า  35  องศาเซลเซียส  จะเสื่อมคุณภาพ
                             - ภายหลังใช้  10-15  นาที  จะแตกตัวเป็น  methyl  isothiocyanate  formaldehyde , hydrogen  sulfide  &  monomethylamide 
                             - ไม่สะสมในดิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น