มาเผยแพร่ให้เกษตรกร,ผู้สนใจ,ฯลฯ ได้รู้ถึงประโยชน์, อันตราย, และความเป็นพิษ
เพื่อจะได้เลือกใช้สารเคมีอย่างระมัดระวัง(ในกรณีที่จำเป็น) มิได้ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรหรือผู้อ่านใช้สารเคมีเพิ่มขึ้น เพียงแต่หากจำเป็นต้องใช้สารเคมี ก็ควรใช้อย่างรู้คุณและโทษของมันอย่างถูกต้อง และได้ประโยชน์ คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์ และไม่ทำให้ผู้บริโภครวมถึงตัวเกษตรกรและผู้ใช้เองต้องตกเป็นเหยื่อของพิษ ภัยจากการใช้สารเคมีโดยมิได้รู้แจ้ง ซึ่ง ทางผู้โพสหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรและบุคคลทั่วไปไม่มากก็น้อย สำหรับท่านที่มีเพื่อน,มิตร,ญาติสนิท,ฯลฯ ที่ทำเกษตร หรือเกี่ยวข้องทางด้านนี้อยู่ ก็รบกวนช่วยนำไปเผยแพร่นะครับ ผมเองได้ข้อมูลมาตั้งแต่สมัยที่ยังทำการเกษตรอยู่ จาก หนังสือ "สารกำจัดศัตรูพืชในประเทศไทย" เป็นหนังสือที่หาค่อนข้างยาก ปัจจุบันไม่ทราบว่ามีตีพิมพ์อีกหรือไม่ แต่ข้อมูลก็ยังสามารถใช้ได้ดีอยู่ จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้คนรักต้นไม้,เกษตรกร,หรือคนที่เกี่ยวข้องได้ทราบกัน
(นายยักษ์เขียว)
ไดคลอโรเฟน
(dichlorophen)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดเชื้อราออร์กาโนฟอสโฟรัส ที่สามารถใช้กำจัดสาหร่ายและแบคทีเรียได้ ออกฤทธิ์ในทางสัมผัส
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนูกิเนีย) 1,250 มก./กก.
โรคพืชที่กำจัดได้ โรคที่เกิดจากเชื้อราแบคทีเรีย กำจัดสาหร่ายและเชื้อราที่เกิดกับเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มและวัสดุที่ทำด้วยผ้า
การแก้พิษ ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ รักษาตามอาการที่ปรากฏ
ไดโคลแรน หรือดีซีเอ็นเอ
(dicloran or DCNA)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดเชื้อรา chlorinated nitroanilide ที่กำจัดได้ทั้งเชื้อราที่อยู่ในดินและที่เป็นกับใบพืช
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 4,000 มก./กก. ทางผิวหนัง มากกว่า 5,000 มก./กก.
โรคพืชที่กำจัดได้ โรคที่เกิดจากเชื้อรา Botrytis spp. , Rhizoctonia spp. , Sclerotium spp. , Stromatinia spp. , Monilini เช่น โรคใบจุด โรคใบไหม้ โรคเน่าคอดิน โรคโคนเน่า โรครากเน่า โรคราดำและโรคเน่าอื่น ๆ
พืชที่ใช้ ฝ้าย พืชตระกูลแตง กระเทียม องุ่น ผักกาด มันฝรั่ง หอม ถั่วต่าง ๆ มะเขือเทศ ข้าว เงาะ ทุเรียน พริก สตรอเบอร์รี่ และผักต่าง ๆ
สูตรผสม 75% ดับบลิวพี
อัตราใช้และวิธีใช้ ใช้อัตรา 17 กรัม ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ผสมกับน้ำกวนให้เข้ากันดีแล้วฉีดพ่นที่ใบให้ทั่วต้นพืชหรือราด / รดโคนต้น ควรศึกษารายละเอียดวิธีการใช้เพิ่มเติมจากฉลาก
อาการเกิดพิษ อาจทำให้ดวงตาและระบบทางเดินหายใจเกิดอาการระคายเคือง หากกินเข้าไปในปริมาณมากอาจทำให้รู้สึกไม่สบาย
การแก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลายครั้ง ถ้าเข้าปากหรือกลืนกินเข้าไป ทำให้อาเจียนด้วยการล้วงคอ หรือให้ดื่มน้ำเกลืออุ่นและนำผู้ป่วยส่งแพทย์ สำหรับแพทย์ ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ รักษาตามอาการ
ข้อควรรู้ - ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 2-14 วัน แล้วแต่ชนิดพืช
- อย่าใช้กับเมล็ดที่กำลังงอกหรือกล้าพืชล้มลุก ยกเว้นในกรณีที่มีการแนะนำให้ใช้
- อย่าใช้ร่วมกับสารกำจัดแมลงออร์กาโนฟอสเฟทที่อยู่ในรูปน้ำมันผสมได้กับน้ำ
- ขณะใช้ จำเป็นต้องเขย่าถังฉีดไปพร้อม ๆ กันด้วย
- อย่าใช้ฉีดพ่นที่ปลูก ในช่วงที่มีอากาศร้อนของวันหรือในช่วงที่มีแสงแดดจัด
- ใช้ผสมกับสารกำจัดเชื้อราและสารกำจัดแมลงทั่ว ๆ ไปได้
ไดฟีโนโคนาโซล
(difenoconazole)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดเชื้อรา
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก 1,453 มก./กก. ทางผิวหนัง มากกว่า 2,010 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ โรคเถาแห้งและผลเน่าขององุ่น ที่เกิดจากเชื้อ Sphaceloma fulligenium
พืชที่ใช้ องุ่น
สูตรผสม 25% อีซี
ไดโนแค๊ป
(dinocap)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดเชื้อรา dinitrophenol ออกฤทธิ์ในทางสัมผัส ให้ผลในทางป้องกันและรักษาโรคพืช และยังเป็นสารกำจัดไรประเภทไม่ดูดซึมอีกด้วย
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 980 มก./กก. ทางผิวหนัง มากกว่า 4,700 มก./กก.
โรคพืชที่กำจัดได้ โรคราแป้ง และไรสนิมต่าง ๆ
พืชที่ใช้ พืชตระกูลแตง ส้ม องุ่น สตรอเบอร์รี่ เชอร์รี่ ฟักทอง พืชผัก ไม้ผล กุหลาบ และไม้ดอกทั่วไป
สูตรผสม 19.5% , 22.5% , 25% ดับบลิวพี และ 37.4% เอสซี
อัตราใช้และวิธีใช้ ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก ผสมกับน้ำกวนให้เข้ากันดี แล้วใช้ฉีดพ่นที่ใบให้ทั่วต้นพืชทุก 7-10 วัน
อาการเกิดพิษ จะมีอาการชีพจรเต้นเร็ว ตัวร้อน ไม่มีแรง หิวน้ำ คลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออกมาก หายใจลำบาก ถ้าเป็นมาก ๆ กล้ามเนื้อจะกระตุกและถึงตายได้
การแก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง ถ้าเข้าปากหรือกลืนกินเข้าไป ต้องทำให้คนไข้อาเจียนโดยเร็ว ด้วยการล้วงคอหรือให้ดื่มน้ำเกลืออุ่น แล้วนำผู้ป่วยส่งแพทย์ สำหรับแพทย์ ควรทำการล้างท้องผู้ป่วยด้วยโซเดียมไบคาร์บอเนท แล้วรักษาตามอาการ ใช้ยาบาร์บิทูเรท ช่วยรักษาในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการทางระบบประสาท ห้ามใช้ยาอะโทรปินรักษาผู้ป่วย
ข้อควรรู้ - ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 7-21 วัน แล้วแต่ชนิดพืช
- เป็นอันตรายในทางหายใจ สัมผัสและกลืนกินเข้าไป
- เป็นอันตรายต่อปลา
- อย่าใช้ร่วมกับสารกำจัดศัตรูพืชที่เป็นน้ำมัน หรือถ้าใช้ฉีดพ่นใบต้องให้ห่างกันอย่างน้อย 30 วัน
- ห้ามผสมกับ ไลม์ ซัลเฟอร์
- เมื่อผสมอยู่ในรูปผงเปียกน้ำ (ดับบลิวพี) จะให้ผลดีในการกำจัดเชื้อรา และเมื่ออยู่ในรูปน้ำมัน (อีซี) จะให้ผลดีในการกำจัดไร
- ผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชอื่น ๆ ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น