วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

สารกำจัดวัชพืช(ยาฆ่าหญ้า) ตอนที่ 3

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำ ชื่อสารเคมี(ชื่อสามัญ) ชนิดต่างๆ  มาเผยแพร่ให้เกษตรกร,ผู้สนใจ,ฯลฯ ได้รู้ถึงประโยชน์, อันตราย, และความเป็นพิษเพื่อจะได้เลือกใช้สารเคมีอย่างระมัดระวัง(ในกรณีที่จำเป็น) มิได้ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรหรือผู้อ่านใช้สารเคมีเพิ่มขึ้น เพียงแต่หากจำเป็นต้องใช้สารเคมี  ก็ควรใช้อย่างรู้คุณและโทษของมันอย่างถูกต้อง และได้ประโยชน์ คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์ และไม่ทำให้ผู้บริโภครวมถึงตัวเกษตรกรและผู้ใช้เองต้องตกเป็นเหยื่อของพิษ ภัยจากการใช้สารเคมีโดยมิได้รู้แจ้ง ซึ่ง ทางผู้โพสหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรและบุคคลทั่วไปไม่มากก็น้อย  สำหรับท่านที่มีเพื่อน,มิตร,ญาติสนิท,ฯลฯ ที่ทำเกษตร หรือเกี่ยวข้องทางด้านนี้อยู่ ก็รบกวนช่วยนำไปเผยแพร่นะครับ ผมเองได้ข้อมูลมาตั้งแต่สมัยที่ยังทำการเกษตรอยู่ จาก หนังสือ "สารกำจัดศัตรูพืชในประเทศไทย"  เป็นหนังสือที่หาค่อนข้างยาก ปัจจุบันไม่ทราบว่ามีตีพิมพ์อีกหรือไม่ แต่ข้อมูลก็ยังสามารถใช้ได้ดีอยู่ จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้คนรักต้นไม้,เกษตรกร,หรือคนที่เกี่ยวข้องได้ทราบกัน
 (นายยักษ์เขียว)


อะนิโลฟอส
(anilofos)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดวัชพืช  organic  phosphate  ประเภทเจาะจงพืช  ใช้กำจัดวัชพืชภายหลังงอก
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  1,000  มก./กก.  (หนูตัวผู้)  สำหรับหนูตัวเมีย  400  มก./กก.  อาจทำให้ดวงตาและผิวหนังระคายเคือง
วัชพืชที่กำจัดได้         หญ้าและวัชพืชใบแคบอื่น ๆ
พืชที่ใช้                   กำจัดวัชพืชในนาข้าว
สูตรผสม                  30อีซี  ,  1.5%  และ  %  จี
อัตราใช้และวิธีใช้        ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  โดยใช้ในระยะที่วัชพืชมีใบอ่อน  2-5  ใบ  หรือภายหลังจากปักดำแล้ว  4-12  วัน
ข้อควรรู้                    - เป็นพิษต่อปลา
                             - ห้ามใช้กับเมล็ดข้าวโดยตรง
                             - ดูดซึมเข้าไปในต้นวัชพืชได้โดยผ่านทางรากและใบ
                             - ภายหลังจากใช้แล้ว  วัชพืชจะหยุดเจริญเติบโต  เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ  และตายในที่สุด
                             - เข้ากับสารกำจัดวัชพืชอย่างอื่นที่กำจัดวัชพืชใบกว้างได้  ยกเว้นสารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง

อะซูแลม
(asulam)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดวัชพืช  carbamate  ประเภทเจาะจงพืช  ใช้กำจัดวัชพืช  ภายหลังงอก  โดยการดูดซึมผ่านทางใบและรากไปยังส่วนต่าง ๆ  ของวัชพืช
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  มากกว่า  4,000  มก./กก.  ทางผิวหนัง  มากกว่า  1,200  มก./กก.  (หนู)
วัชพืชที่กำจัดได้
ใช้กำจัดวัชพืชพวกหญ้าและวัชพืชใบกว้างทั้งชนิดล้มลุกและยืนต้น
พืชที่ใช้                   กำจัดวัชพืชในไร่อ้อย  กล้วย  ยางพาราและพื้นที่ ๆ  ไม่มีการเพาะปลูก
สูตรผสม                  40%  แอลซี
อัตราใช้และวิธีใช้        ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  โดยฉีดพ่นภายหลังวัชพืชงอกแล้ว  ถ้ากำจัดวัชพืชในไร่อ้อย  ควรใช้ในระยะที่อ้อยมีความสูงอย่างน้อย  12-36  นิ้ว
การแก้พิษ                ยังไม่ทราบยาแก้พิษโดยเฉพาะ  รักษาตามอาการ
ข้อควรรู้                    - ออกฤทธิ์ได้รวดเร็วเมื่อมีอุณหภูมิสูง
                             - มีพิษต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม  นกและปลาต่ำ
                             - อาจใช้ผสมฉีดพ่นร่วมกับสารกำจัดวัชพืชพวก  phenoxy  ได้

อะทราซีน
(atrazine)
การออกฤทธิ์             เป็นสารกำจัดวัชพืช  triazine  ประเภทดูดซึมและกำจัดแบบเจาะจงวัชพืช  ใช้ควบคุมการงอกของเมล็ดวัชพืชและกำจัดในระยะเริ่มงอก
ความเป็นพิษ             มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  1,869  มก./กก.  ทางผิวหนัง  มากกว่า  7,500  มก./กก.  อาจทำให้ดวงตาและผิวหนังระคายเคืองเล็กน้อย
วัชพืชที่กำจัดได้         หญ้าขจรจบ  หญ้านกสีชมพู  หญ้าตีนกา  หญ้าหางหมา  ผักเบี้ยใหญ่  น้ำนมราชสีห์  หญ้ายาง  หญ้าอื่น ๆ  และวัชพืชใบกว้างล้มลุกบางชนิด
พืชที่ใช้                   ข้าวโพด  อ้อย  สัปปะรด  ข้าวฟ่าง  หน่อไม้ฝรั่ง  ต้นฝรั่ง  มะคาเดเมีย
สูตรผสม                  80ดับบลิวพี
อัตราใช้และวิธีใช้        อัตราใช้แตกต่างกันออกไป  ขึ้นอยู่กับชนิดของพืช  โดยทั่วไปใช้อัตราระหว่าง  240-460  กรัม/ไร่  ผสมกับน้ำแล้วฉีดพ่นทับหน้าดินที่ปลูกพืช  อย่างไรก็ดี  ควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากฉลากก่อนใช้
อาการเกิดพิษ            ถ้าถูกผิวหนังอาจจะมีอาการระคายเคือง  เช่นเดียวกับที่ดวงตาและเยื่อบุ  หากกลืนกินเข้าไป  อาจมีอาการคลื่นไส้  อาเจียน  ท้องเสีย  หายใจขัด  กล้ามเนื้อกระตุกและอาจเกิดอาการชักได้
การแก้พิษ                ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนังให้ล้างด้วยสบู่กับน้ำมาก ๆ  ถ้าเข้าตา  ให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดนาน ๆ  10  นาที  ถ้ากินเข้าไป  ทำให้คนไข้อาเจียนด้วยการล้วงคอหรือให้ดื่มน้ำเกลืออุ่น  หรือ  syrup  of  IPECAC  ถ้าคนไข้ไม่อาเจียน  ให้ล้างท้องคนไข้ทันทีแล้วให้กินถ่านยาแอ็คติเวทเต็ด  ซาร์โคล  ภายหลัง  4  ชั่วโมง  ถ้าคนไข้ยังไม่ถ่าย  ให้ถ่านยาถ่ายประเภทเกลือ  ห้ามใช้ยาถ่ายประเภทน้ำมัน  ในช่วงนี้อย่าให้คนไข้ดื่มนม  ครีมและอาหารที่มีไขมัน  รักษาตามอาการ
ข้อควรรู้                    - เมื่อใช้เป็นสารกำจัดวัชพืชแบบไม่เจาะจงพืช  ให้ใช้เมื่อวัชพืชงอกแล้วและยาวไม่เกิน  1  นิ้วครึ่ง
                             - เมื่อใช้เป็นสารกำจัดวัชพืชแบบเจาะจงพืช  ให้ใช้ก่อนเพาะปลูกหรือระหว่างปลูก
                             - พืชที่อ่อนแอต่ออะทราซีน  ได้แก่  พืชผักทั้งหมด  เมล็ดธัญพืช  แอสพารากัส  ถั่วเหลือง  ถั่วลิสงและมันฝรั่ง
                             - ฤทธิ์ตกค้างอยู่ในดินได้นานมากกว่า  1  ปี
                             - ความชื้นจะช่วยให้อะทราซีนออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น